ณัฏฐ์ กิตติสาร

ณัฏฐ์ กิตติสาร อาร์สยาม พื้นเพเดิมเป็นคนอำเภอเมือง จังหวัด พะเยา พ่อคือหนานตุ้ย กิตติสาร แม่คือ แม่ปั๋น ตนเป็นลูกคนเดียว จบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนพะเยาวิทยาคม หลังจากนั้นก็มาสอบเข้ามช.ซึ่งผลการสอบปรากฏว่าสอบผ่าน แต่ฐานะทางบ้านที่ไม่เอื้อจึงไม่ได้เรียน และเริ่มต้นชีวิตการทำงานตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา

 กล่าวถึง หนานตุ้ย กิตติสาร พ่อบังเกิดเกล้าของ ณัฏฐ์ กิตติสาร อาร์สยาม หากเป็นคนพะเยาและจังหวัดใกล้เคียง จะรู้จักกันดี เพราะได้รับเลือกเป็น บุคคลดีเด่นด้านวัฒนธรรม ของจังหวัดพะเยา การแสดงพื้นเมืองเป็นทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น คร่าว, จ๊อย, ซอ และดนตรีพื้นเมือง ช่วงเย็นๆ ก็จะมาเล่นให้ตนดูบางครั้งก็หยิบสะล้อมาเล่น หรือซึงมาดีด และก็มีหลายครั้งที่หยิบใบไม้มาเป่าเป็นเพลง ซึ่งถือว่าเป็นสุดยอดวิชาที่ตนไม่สามารถจำทำได้เลย เมื่อมีงานแสดงก็จะนำตนไปด้วยเสมอ โดยให้เล่นซึง และขลุ่ย สิ่งเหล่านี้ทำให้ตนซึมซับศิลปวัฒนธรรมและดนตรีพื้นเมืองมากพอสมควร

ขณะที่เรียนอยู่จะเข้าร่วมชมรมดนตรีพื้นเมืองเสมอ แต่ก็เล่นเครื่องดนตรีสากลควบคู่กันไปด้วย เพราะมีเพื่อนสนิทที่เป็นนักร้องเพลงสากลของโรงเรียน จึงยืมกีตาร์ของเพื่อนมาเล่น และก็เล่นเรื่อยมา

หลังจากที่รู้ตัวว่าไม่สามารถเรียนต่อ แม้จะสอบติดที่มช. แต่ไม่มีทุน จึงเริ่มต้นทำงานโดยเดินทางมาอยู่ที่เชียงใหม่เลย โดยอาศัยอยู่กับญาติคนหนึ่งที่มาตั้งรกรากอยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว ตนทำงานที่แรก็คือห้างตันตราภัณฑ์ ท่าแพ ในตำแหน่งพนักงานทำความสะอาด ช่วงนั้นประมาณปี 2530 ตนต้องทำความสะอาดทุกอย่างตั้งแต่ป้ายหน้าห้าง, ห้องน้ำ ยันห้องทำงาน ในขณะที่ทำงานอยู่นั้นก็ได้มารู้จักกับพนักงานแนะนำสินค้า และได้ชวนให้ตนมาลองขายของ จึงลาออกจากการเป็นพนักงานทำความสะอาด ไปสมัครงานที่กรุงเทพ และก็ไม่ผิดหวัง สินค้าที่ตนได้ขายก็คือ ร้องเท้าหนัง ซึ่งถูกส่งตัวไปขายประจำที่ โคราช หรือ จังหวัดนครราชสีมา ฝึกงานที่นั่นประมาณ 3 เดือนก็ได้บรรจุเป็นพนักงาน ตระเวนขายของแถวอีสานเป็นเวลา 3 ปี เช่น อุดรธานี และขอนแก่น เป็นต้น

จากนั้นก็ถูกส่งตัวไปภาคใต้ ที่แรกก็คือหาดใหญ่ ซึ่งขณะที่เป็นพนักงานขายไม่ว่าจะอยู่ที่ใดสิ่งหนึ่งที่ตนไม่เคยลืมก็คือการเล่นดนตรี และมักจะเป็นมือกีตาร์ประจำวงเหล้าเสมอ และที่หาดใหญ่นี่เองที่เป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นนักร้อง และนักดนตรีอาชีพ โดยไปร่วมแจมกับเพื่อนๆ ที่ร้านอาหาร มีการบันทึกเทปเพื่อนำไปขายให้กับเพื่อนในห้างด้วย ผู้ที่เป็นเจ้าของไอเดียก็คือ สมบัติ เจียมคลัง  ผจก.ของยิว คนเขียนเพลง เจ้าของเพลงดัง คำสัญญาที่หาดใหญ่ นั่นเอง

ประมาณปี 2534 ก็มาถึงจุดเปลี่ยนของชีวิตอีกครั้งหนึ่ง เมื่อแม่เสียชีวิตเหลือพ่ออยู่คนเดียว จึงมาอยู่ด้วย จึงย้ายมาทำงานที่เชียงใหม่เพื่อให้ใกล้พะเยามากขึ้นจะได้ไปมาหาสู่สะดวก ส่วนกลางคืนก็ไปเล่นดนตรีในร้านอาหารย่านไนท์บาซ่าร์ ร้านแรกที่ตนเล่นดนตรีเป็นอาชีพเลยก็คือ ร้านเจเฮาส์ ร้านเล็กๆ ตึกข้างโรงพักภูพิงค์ ตรงข้ามทางเข้ามช. เป็นร้านอาหารดนตรีเพื่อชีวิต ซึ่งที่นี่เองก็มีนักดนตรีฝีมือดีหลายคนเล่นอยู่ ปัจจุบันก็กลายเป็นเบื้องหลังไปกันหมดแล้ว เช่น อ้ายนุ้ย แบคอัพของสุนทรี เวชานนท์ เป็นต้น นอกจากร้านนี้แล้วยังตระเวนวิ่งรอกอีกหลายร้านที่เหลืออยู่ในปัจจุบันนี้เช่น เก๋ากึ๊ก, ตำนานโฟล์ค เป็นต้น ช่วงนี้ตนเล่นทั้งแบบโฟล์คซองและแบบเต็มวง

ประมาณปี 2540 อ.นพ ซีเอ็ม และ วิทยา เชื้อคีตา ที่ทำอัลบั้มชุด ออด กรุแตก ชุดแรกที่โด่งดังมาก ทั้งสองมีโปรเจคอัลบั้มชุดหนึ่ง โดยคอนเซปต์ก็คือต้องการคนร้องที่มีน้ำเสียงคล้ายพงษ์สิทธิ์ คัมภีร์ ก็คือเพลง สาวป่าบง ชุด ม่วนสะเด็ด ทั้งสองคนไปนั่งร้านอาหารที่ตนเล่นอยู่ และถูกขอให้ร้องเพลงของพงษ์สิทธิ์ คัมภีร์ จึงร้องให้ฟังสองเพลง เมื่อลงจากเวทีทั้งคู่ก็เรียกไปพบและชักชวนให้ไปเทสต์เสียง ซึ่งแท้จริงแล้วตนไม่เคยคิดเรื่องการออกอัลบั้มเพลงหรือเป็นศิลปินเพลงแบบเต็มตัวเลย เพียงแต่ต้องการหางานทำมีรายได้เสริมจากงานหลักเท่านั้นเอง แต่เมื่อโอกาสมาถึงก็อยากลองดู ปรากฏว่าหลายคนที่ไปร่วมเทสต์เสียงด้วยไม่ผ่าน ดังนั้นตนจึงได้ร้องเพลง สาวป่าบง ซึ่งอัลบั้มนี้จะมีนักร้องทั้งหมดสามคนก็คือนอกจากตนแล้วก็มี ตู่ ดารณี และ อ้ายตุ่น นักร้องเสียงคาราบาว

จากนั้นก็มีผลงานออกมาอีกหนึ่งอัลบั้มเป็นเพลงเมดเล่ย์สามช่าสนุกๆ เอาไว้เต้นตอนปีใหม่ แต่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าที่ควร อัลบั้มที่สาม ก็มาร่วมงานกับ อ้อ พิมพินันทน์ ในชุด กลับมาแล้ว เพลงเด่นๆ เช่น สัญญาข้างกองไฟ, แค่เมียน้อยบนดอย ทุกวันนี้ก็ยังถูกขอให้ร้องเพลงนี้เสมอ อัลบั้มต่อมาก็คือ ย้อนรอยอดีตเพลงดัง ที่ทำกับ พีมิวสิค

ครั้งหนึ่งเคยไปเทสต์เสียงกับ พี่มืด หรือ มาร์ค ใบเตย นักแต่งเพลงชื่อดังของเมืองไทยต้องการนักร้อง ก็มีหลายคนมาทดลอง พอดีสถานที่ในการเทสต์เสียงครั้งนั้นก็คือบ้านของครูแอ๊ด ซึ่งก็ติดกับบ้านของตน ด้วยความสนใจจึงเข้าไปดูด้วย มาร์ค ใบเตย จึงชักชวนให้ตนลองดูเป็นคนสุดท้าย และปรากฏว่าตนผ่านการคัดเลือกในที่สุด

มาร์ค ใบเตย จึงวางให้ตนกับ ครูแอ๊ด ภานุทัต ออกอัลบั้มร่วมกัน ซึ่งขณะนั้น ครูแอ๊ด ก็เตรียมออกอัลบั้มของตนอยู่แล้วมีเพลง คนหัวล้าน และ ป๋าเบื่อ ซึ่งโด่งดังจนถึงปัจจุบันนี้ เมื่อนำมารวมกันจึงใช้ชื่อว่า “เดอะสะล้อ”

ณัฏฐ์ กิตติสาร กล่าวถึงที่ว่าของคำว่า “เดอะสะล้อ” ว่า “เมื่อก่อนในทีมจะมีกัน 3 คน ก็คือ ณัฏฐ์ กิตติสาร, น้องปฏิญญา ตั้งตระกูล และ ครูแอ๊ด รวมกันในชื่อ เดอะสลำ มาจากเหตุการณ์ที่ทั้งสามคนไปเป็นกรรมการตัดสินประกวดโฟล์คซองที่ราชภัฏ ช่วงรวมคะแนนเวลาว่างอยู่ ทั้งสามคนจึงขึ้นร้องเพลงคั่นเวลา ปรากฏว่าฮาตรึมกันทุกคน แรกๆ ตั้งใจเล่นครึ่งชั่วโมง กลายเป็นกว่าจะเลิกได้ปาเข้าไปสองชั่วโมงเห็นจะได้ เมื่อสลำเล่นด้วยกันแล้ว จึงเริ่มใช้ชื่อ เดอะสลำ ตั้งแต่นั้นมา” จนมาถึงช่วงที่ น้อง ปฏิญญา แยกตัวออกไปทำอัลบั้มเดี่ยว เหลือเพียงสองคน จึงตกลงเปลี่ยนชื่อเป็น “เดอะสะล้อ” แทน ซึ่งอัลบั้มนี้ก็โด่งดังทะลุฟ้า เพลงของ ครูแอ๊ด ก็คือ คนหัวล้าน กับ ป๋าเบื่อ ซึ่งแต่งโดย ประเสริฐ คาร์เนชั่น ประธานชมรมศิลปินล้านนา ส่วนเพลงของตนก็คือ นางฟ้าลืมดอย เป็นแนวสตริงจะเป็นแฟนเพลงอีกกลุ่มหนึ่ง

ล่าสุด ณัฏฐ์ กิตติสาร ออกอัลบั้มเดี่ยวกับค่ายอาร์สยามโดยใช้ชื่อว่า ณัฏฐ์ กิตติสาร อาร์สยาม ซิงเกิ้ลแรกก็คือเพลง ไม่ต้องเป็นแฟนเก็บ ผู้แต่งก็คือ ฟ้า ยศสรัล หรือกรวลี สีขาว เพลงนี้ถูกขอตามคลื่นวิทยุอย่างถล่มทลายขณะนี้ และล่าสุด MV ก็ถ่ายทำเสร็จเรียบร้อยแล้วซึ่งสามารถชมได้ทางรายการสบายดีทีวี และ www.pleng.com เนื้อหาของเพลงเป็นเรื่องราวของสังคมในปัจจุบันที่มักมีตัวสำรอง ซึ่งเพลงนี้ก็น่าจะเป็นเพลงปิดท้ายกระแสนี้แล้ว เพราะคิดว่าน่าจะมีสักคนที่พร้อมจะยอมรับและซับน้ำตาคนที่เป็นตัวสำรองเหล่านั้น โดยยกให้เป็นตัวจริง ไม่ต้องเป็นตัวสำรองอีกต่อไป

ณัฏฐ์ กิตติสาร อาร์สยาม กับเส้นทางสายศิลปินเดี่ยว ขอเอาใจช่วยให้ ไม่ต้องเป็นแฟนเก็บ ในหัวใจคนฟังเพลง แต่ให้เป็น แฟนแท้ๆ ที่สำคัญคือแรงสนับสนุนจากผู้ฟัง ที่จะหนุนให้ศิลปินคนนี้ยืนอยู่บนเส้นทางสายบันเทิงในระดับประเทศต่อไป

จากเพลงไม่ต้องเป็นแฟนเก็บ สู่โยนแฟนเขาทิ้ง ยังไม่สาแก่ใจเพราะ ผู้ชายไม่ได้มีคนเดียวในโลก ตอกย้ำเหล่าสาวๆ ที่มัวแต่เวียนว่ายอยู่ในโลกแห่งความรักเก่าทั้งที่คนในฝันนั้นมีใหม่แล้ว

ณัฏฐ์  กิตติสาร อาร์ สยาม อดีตสมาชิกวงเดอะสะเล้อ หนุ่มนักดนตรีอารมณ์ดีจากดินแดนล้านนา ผู้สร้างสรรค์งานเพลงแนวลูกทุ่งคำเมือง มีเสน่ห์ด้วยสำเนียงการร้องที่นุ่มหู สื่ออารมณ์เพลงซึ้ง จริงใจสไตล์เพื่อชีวิตกลิ่นเหนือได้อย่างอบอุ่น มีความสามารถเล่นดนตรี โดยเฉพาะ กีตาร์ไฟฟ้า และกีตาร์โปร่ง

ณัฎฐ์ กิตติสาร อาร์สยาม ศิลปินพื้นเมืองนิสัยดี ผู้มีกีตาร์เป็นโลโก้ไปยืนที่ไหนมือต้องดีด ปากต้องร้อง ในอดีตมีเพลงที่พอจะคุ้นหูอยู่หลายเพลง จนกระทั่งได้ก้าวขึ้นมาเป็นศิลปินที่คนรู้จักทั่วประเทศ

ณัฎฐ์ กิตติสาร เคยมีผลงานมาแล้วในอัลบั้ม “ม่วนสะเด็ด”  สำหรับผลงานเพลงชุดแรกกับอาร์สยาม  “เดอะสะล้อ” เพลงที่สร้างชื่อคือเพลง “คนหัวล้าน, ป๋าเบื่อ”  จนกระทั่ง  ณัฏฐ์  กิตติสาร อาร์สยาม ก้าวเข้าสู่ความสำเร็จและได้รับการตอบรับจากแฟนเพลงทั่วประเทศกับซิงเกิลแรก “ไม่ต้องเป็นแฟนเก็บ”  ซึ่งเพลงนี้ส่งให้เค้าได้รับความนิยมในเพลงฮิตติดปากและยังติดอยู่ในท็อปดาวน์โหลดอีกด้วย

กล่าวถึงเพลงไม่ต้องเป็นแฟนเก็บ  แต่คำร้องและทำนองโดย ฟ้า ยศสรัล  ส่วนผู้เรียบเรียงคือมาร์ค  ใบเตย เพลงนี้เป็นช้าๆ ความหมายดี สไตล์หนุ่มซื่อๆ จริงใจ และใจกว้างยินดีเป็นที่พักพิงให้กับหญิงสาวที่รัก เสนอตัวเป็นคนเยียวยาหัวใจโดยไม่แคร์อดีตถึงแม้จะเคยเป็นแฟนเก็บของใครมาก่อน แต่ก็ยังอาสาซับน้ำตาให้ พร้อมเริ่มต้นกันใหม่ โดยไม่ต้องเป็นน้อยใคร เพราะต่อไปจะเป็นตัวจริงเสียที

ส่วนอีกซิงเกิ้ลคือ “โยนแฟนเขาทิ้ง” ที่ณัฏฐ์ กิตติสาร ได้ถ่ายทอดอารมณ์ออกมาอย่างดีเยี่ยมจนทำให้ใครหลาย ๆ คนอยากจะโยนแฟนเขาทิ้งไปจริงๆ  และตอนนี้ ณัฏฐ์ กิตติสาร อาร์ สยาม มีอีกหนึ่งเพลงใหม่มาให้ซึ้งกันต่อ  ครั้งนี้มาดามใจคนอกหักโดยเฉพาะ กับเพลงซึ้งที่มีเสน่ห์น้ำเสียงนุ่มหู สื่ออารมณ์เพลงได้อย่างจริงใจและสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของผู้ชายคนนี้   “ผู้ชายไม่ได้มีคนเดียวในโลก”

เพลงโยนแฟนเขาทิ้ง    คำร้องทำนองโดย  อัฐพล ต้นคำ และผู้เรียบเรียงก็คือมาร์ค ใบเตย  เนื้อหาของเพลงนี้ต่อเนื่องจากเพลงแรก โดยเป็นกำลังใจให้กับคนที่รักคนมีเจ้าของ แล้วกำลังพยายามตัดใจโยนแฟนเขาทิ้งออกจากหัวใจให้ได้ เพราะทนต่อไปก็มีแต่ช้ำใจเสียน้ำตา ไม่อยากให้ต้องแคร์กับอดีต สิ่งที่แล้วไปแล้ว สู้มาเริ่มต้นชีวิตใหม่จะดีกว่า เพราะคนที่ใช่กว่า อาจรออยู่ข้างหน้าก็ได้ เนื้อหากินใจแถมมิวสิควีดีโอก็ยังสามารถถ่ายทอดเรื่องราวเรียกน้ำตาคนชมทางบ้านกันถ้วนหน้า

ล่าสุดซิงเกิ้ลที่สามก็คลอดออกมานั่นก็คือเพลง “ผู้ชายไม่ได้มีคนเดียวในโลก”  คำร้องและทำนองโดย อัฐพล ต้นคำ และก็ได้มาร์ค ใบเตย เป็นผู้เรียบเรียงเช่นเคย

ณัฏฐ์ กิตติสาร อาร์สยาม กล่วว่า “เพลงนี้ขอมอบเป็นกำลังใจให้กับผู้หญิงทุกๆ คน ที่กำลังเศร้าโศกเสียใจ ร้องไห้ให้กับผู้ชายที่มองไม่เห็นคุณค่าความรักอยากบอกว่า ผู้ชายไม่ได้มีคนเดียวในโลก อย่าจมอยู่กับน้ำตา เพราะเธอยังมีคุณค่ากับคนที่รักเธอจริงๆ”

กลายเป็นศิลปินเรียกน้ำตาไปแล้ว เพราะทั้งสามเพลงล้วนแล้วแต่ตอกย้ำผู้ที่เคยตัดสินใจผิดพลาดมาแล้วทั้งสิ้น หากใครยังไม่ได้ฟังซิงเกิ้ลล่าสุด ผู้ชายไม่ได้มีคนเดียวในโลก สามารถไปฟังได้ในเว็บ www.pleng.com ร่วมกันสนับสนุนศิลปินบ้านเราให้ก้าวขึ้นไปในระดับแนวหน้าของประเทศ และร่วมกันให้กำลังใจหนุ่มศิลปินล้านนาคนนี้โดยการแวะไปทักทายหรือเขียนข้อความให้กำลังใจเจ้าตัวได้ที่ เฟซบุ๊ก Nut Kittisarn