ดิ อินโนเซ้นท์

แหล่งกำเนิด ราชบุรี,ประเทศไทย

แนวเพลง ป็อป ร็อก

ป็อป

โพรเกรสซีฟร็อก

โฟล์ค (สองชุดแรก)

ปี 2522 - 2532, 2552 (รียูเนี่ยน)

ค่าย อาร์โซน่า

นิธิทัศน์ โปรโมชั่น

มิสเตอร์ มิวสิก

ดิ อินโนเซ้นท์ (The Innocent) เป็นวงดนตรีขวัญใจวัยรุ่นไทยในยุค 1980 มีผลงานในช่วงระหว่างปี 2523 - 2532 กับสังกัดนิธิทัศน์โปรโมชั่น วงดนตรี ดิอินโนเซ้นท์ เป็นวงดนตรีที่เริ่มก่อตั้งจากเด็กนักเรียนโรงเรียนเดียวกันในจังหวัด ราชบุรี มีสมาชิกแรกเริ่ม 3 คน เริ่มจากการเป็นเพียงวงดนตรีโฟล์คซอง และเปลี่ยนสภาพเป็น String Combo สมาชิกทีเป็นผู้ก่อตั้ง และมีสถานภาพเป็นหัวหน้าวงมาตลอด คือ พีรสันติ จวบสมัย เป็นผู้สร้างประสบการณ์อันยาวนานในเส้นทางดนตรีให้กับวงที่ชื่อ ดิ อินโนเซ้นท์ มามากที่สุด และข้อมูลต่อไปนี้ เกือบทั้งหมดมาจากการเล่าเรื่องของสมาชิกท่านนี้

สมาชิก

ดิ อินโนเซ้นท์ มีสมาชิกหมุนเวียนเข้าออกในแต่ละชุด โดยมีสมาชิกหลักดังนี้

ชาตรี คงสุวรรณ (เกิด - 17 มี.ค.2505)

Lead Guitar/Lead Vocal

พีรสันติ จวบสมัย (เกิด - 12 ธ.ค.2505)

Keyboards/Vocal

สายชล ระดมกิจ (เกิด - 20 ธ.ค.2505)

Rhythm Guitar/Lead Vocal

เสนีย์ ฉัตรวิชัย (เกิด - 12 ต.ค.2509)

Bass Guitar/Vocal

ประวัติ

การเริ่มต้นของ ดิ อินโนเซ้นท์

วงดิ อินโนเซ้นท์เริ่มเกิดขึ้นครั้งแรก เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2522 จากการประกวดโฟล์คซองนักเรียนในโรงเรียนดรุณา จังหวัดราชบุรี ในวันคริสต์มาส[ต้องการอ้างอิง] ขณะนั้นมีสมาชิก 3 คนได้แก่พีรสันติ จวบสมัย เป็นหัวหน้าวง สายชล ระดมกิจ และสิทธิศักดิ์ กิจแต่ง จากวงโฟล์คซองที่เข้าประกวดทั้งหมด 10 วงดิ อินโนเซ้นท์ได้รับรางวัลชนะเลิศจากเพลงที่เข้าประกวด 4 เพลงคือ บอร์นทูเลิฟยู (Born To Love You) และเพลง สัมพันธ์ไทย ของอิสซึ่น

ต่อมาในช่วงปีใหม่ พ.ศ. 2523 มีโครงการของจังหวัดต่างๆ ที่จะส่งเสริมดนตรีของเยาวชน จึงได้จัดประกวดโฟล์คซองเยาวชนของเทศบาลจังหวัดราชบุรี วงดิ อินโนเซ้นท์เข้าประกวดอีกครั้งในวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2523 พร้อมกับอีก 6 วงดิ อินโนเซ้นท์ได้รับรางวัลชนะเลิศอีกครั้งหนึ่ง

ขณะนั้นพีรสันติ กำลงศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 สายชลและสิทธิศักดิ์ อยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่3 ที่โรงเรียนดรุณา ราชบุรี ซึ่งเป็นโรงเรียนคริสตัง จากนั้น ทางโรงเรียนก็มีความคิดที่จะทำเทปเกี่ยวกับศาสนา ซึ่งยังไม่มีใครทำมาก่อน จึงให้วงดิ อินโนเซ้นท์ มีผลงานเพลงแบบโฟล์คซองเกี่ยวกับศาสนาทั้งชุด โดยใช้ชื่อชุดว่า เพลงเพื่อพระองค์ แต่ด้วยความขาดประสบการณ์ในการทำงานบันทึกเสียง ผลงานตอนนั้นจึงไม่พิถีพิถันตามมาตรฐานของการบันทึกเสียงนัก ผู้ขับร้องเพลงในอัลบั้มนั้นคือสิทธิศักดิ์ โดยมีบราเดอร์เสนอเป็นผู้ทำธุระเกี่ยวกับการนำเทปไปดราฟท์ที่ร้านคราวน์ (CROWN) ข้างสหกรณ์ราชดำริ สุรินทร์ ซึ่งเป็นเพื่อนกับเจ้าของร้าน ได้มาฟังก็ติดใจในผลงานของดิ อินโนเซ้นท์และเสียงของสิทธิศักดิ์ จึงได้ติดต่อกับบราเดอร์เสนอ

อัลบั้ม รักไม่รู้จบ -รถเมล์ + บางปะกง-ปลาตะเพียน (2523-2524)

อีก 1 เดือนต่อมา สุรินทร์ก็ไปติดต่อกับบาทหลวงสุรพล ซึ่งเป็นอธิการโรงเรียน เพื่อที่จะขอให้วง“ดิ อินโนเซ้นท์”มาอัดแผ่นเสียง ซึ่งท่านก็ยินยอม เมื่อตกลงกันเรียบร้อยแล้ว สุรินทร์ก็ไปติดต่อหาเพลง ก็ได้เพลง “รักไม่รู้ดับ” และเพลง “ใครหนอ” ของสุรพล โทณะวณิก ได้เพลง “รถม้าลำปาง” ของสนิท ส.มาด้วย เนื่องจากสุรินทร์ต้องการนำเพลงเก่ามาเรียบเรียงใหม่เพราะเพลงเก่าเชียร์ง่ายและยังไม่มีวงดนตรีวงไหนนำเพลงเก่ามาทำใหม่ด้วย ส่วนเพลงที่เหลือก็เป็นเพลงใหม่ที่แต่งขึ้นเอง โดยพีรสันติ และประสิทธิ์ ชำนาญไพร ชุดนั้นใช้ชื่อว่า “รักไม่รู้ดับ” ซึ่งวางแผงประมาณเดือนกันยายน 2523

แต่เพราะความที่สมาชิก“ดิ อินโนเซ้นท์”ยังเป็นนักเรียนอยู่ การจะมาออกทีวีแสดงผลงานนี้จึงเป็นไปไม่ได้ เทปชุดแรกของ“ดิ อินโนเซ้นท์”จึงยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก

หลังจากนั้น ในเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นช่วงปิดเทอมใหญ่ สุรินทร์ก็ให้ทำเทปชุดที่ 2 ขึ้นมาอีก ชุดนี้ได้เพลง “บางปะกง” ของนคร มังคลายน และเพลงที่แต่งใหม่อีกหลายเพลง เทปชุดนี้ใช้ชื่อว่า “บางปะกง” วางตลาดเมื่อเดือนมิถุนายน 2524 แต่ปรากฏว่าไม่เป็นที่นิยมมากเท่าที่ควร

ขณะนั้น พีรสันติ กำลังเรียนชั้น ปวช ปี 3 สิทธิศักดิ์และสายชล อยู่ปวชปี 1 ซึ่งถือว่าเป็นปีสุดท้ายสำหรับพีรสันติ ที่จะเรียนที่โรงเรียนดรุณาราชบุรีพาณิชยการ และจะต้องไปเรียนต่อในโรงเรียนของผู้ที่ศรัทธาศาสนาคริสต์ต่อไป จึงมีความเห็นว่า น่าจะทำเทปสักชุดเพื่อเป็นการอำลา“ดิ อินโนเซ้นท์”

สุรินทร์ซึ่งเป็นผู้ทำงานเกี่ยวข้องกับธุรกิจด้านดนตรี จึงได้รับคำแนะนำจากนักร้องผู้หนึ่งถึงเพลง สอบตก ของปฏิภาณ สุขสุทธิ สุรินทร์จึงไปติดต่อขอซื้อลิขสิทธิ์มา จากนั้นก็เริ่มวางโครงการกันว่า เพลงในชุดนี้ควรเป็นเพลงเกี่ยวกับนักเรียน จึงได้เพลง “ขวัญใจนักเรียน” ของครูพยงค์ มุกดา เพลง คืนสู่เหย้า กับเพลง ศิษย์เก่ารำลึก ซึ่งแต่งโดยพีรสันติ มาทำด้วย เพลงในชุดนี้จึงเป็นเพลงที่ไม่ค่อยมีเรื่องรักๆใคร่ๆ เพราะทางสถาบันไม่ต้องการให้“ดิ อินโนเซ้นท์”เล่นเพลงประเภทนี้ และอยากให้เป็นเอกลักษณ์ของวง“ดิ อินโนเซ้นท์”ด้วย

ในช่วงนี้เองที่“ดิ อินโนเซ้นท์”มีสมาชิกใหม่อีกคน ซึ่งเป็นเพื่อนนักเรียนโรงเรียนเดียวกัน คือ เกรียงศักดิ์ จงธีระธรรม รับตำแหน่งมือกลอง และ ปฏิภาณ สุขสุทธิ ในตำแหน่งมือกีตาร์ ซึ่งเป็นผู้แต่งเพลง สอบตก เข้ามาเป็นสมาชิกวงอย่างเป็นทางการ

เทปชุดนี้ทำในเวลาอันสั้น เพราะเริ่มต้นเดือนกุมภาพันธ์ และต้องทำให้เสร็จทันเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นช่วงปิดเทอม ก็ปรากฏว่าเสร็จทันตามที่วางแผนไว้ แต่ด้วยความแปลกใหม่ของเพลง สอบตกและเป็นเพลงฮิตในเวลาอันรวดเร็ว จึงทำให้เทปที่ตั้งชื่ออัลบั้มว่า “ขวัญใจนักเรียน”นี้ ได้รับความนิยมจากแฟนเพลงอย่างมากมาย

และอีกเพลงที่นำความปลื้มปิติให้กับ“ดิ อินโนเซ้นท์”ก็คือเพลง “เสียงจากแม่กลอง” ซึ่งแต่งโดย พีรสันติ จวบสมัย ได้รับรางวัลจากชมรมสภาวะแวดล้อมสยาม และโครงการสิ่งแวดล้อม องค์การสหประชาชาติ ในฐานะที่มีความสนใจในการรณรงค์เพื่อรักษาสภาวะแวดล้อมที่ดี

เปลี่ยนรูปแบบดนตรี เปลี่ยนสมาชิกวง - อยู่หอ - เพียงกระซิบ (2524-2526)

หลังจากนั้น สิทธิศักดิ์ กิจเต่ง ไม่สามารถที่จะลาออกมาศึกษาต่อที่กรุงเทพฯเหมือนสมาชิกคนอื่นๆได้ ทำให้“ดิ อินโนเซ้นท์”ต้องรับสมาชิกใหม่เข้ามาในตำแหน่งเบส ซึ่งก็ได้พบกับเสนีย์ ฉัตรวิชัย ซึ่งขณะนั้นเล่นอีเลคโทนและร้องนำอยู่ที่ นานาคาเฟ ซอยนานา จึงติดต่อให้มาร่วมวงด้วยในตำแหน่งเบส

สมาชิก 5 คนของ“ดิ อินโนเซ้นท์”จึงประกอบด้วย พีรสันติ จวบสมัย-คีย์บอร์ด สายชล ระดมกิจ-ร้องนำ เกรียงศักดิ์ จงธีระธรรม-กลอง เสนีย์ ฉัตรวิชัย-เบส ปฏิภาณ สุขสุทธิ-กีต้าร์

แต่ก็ยังไม่เป็นที่พอใจของ“ดิ อินโนเซ้นท์” เพราะดนตรีโฟลค์ซอง-สตริงแบบเดิมกลายเป็นของเก่าและเริ่มเชย ดนตรีป็อปร็อกต่างหากที่น่าสนใจ และได้รับความนิยมของวัยรุ่นทั่วโลกรวมถึงวัยรุ่นไทยด้วย เพราะมี คีย์บอร์ด/ซินธีไซเซอร์/กลองไฟฟ้า และมีกีต้าร์อีก 2 ตัว เป็นอย่างน้อย ทางวงจึงคิดปรับเปลี่ยนรูปแบบการเล่นไปในทางแนวนั้น

พีรสันติ นึกถึงถึงเพื่อนรุ่นพี่คนหนึ่ง ซึ่งมีฝีมือในทางกีต้าร์มาก เคยเป็นนักดนตรีของโรงเรียนด้วย จึงไปชักชวนให้มาร่วมงานกันกับ“ดิ อินโนเซ้นท์” นั่นก็คือ ชาตรี คงสุวรรณ ซึ่งขณะนั้นเป็นสมาชิกวง โฟร์ ซิงเกิล (Four Singles) ซึ่งเป็นวงประจำจังหวัดราชบุรีอยู่ และเคยออกแผ่นกับวง โรแมนติก ด้วย ชาตรีจึงตกลงร่วมงานกัน

หลังจากที่ได้สมาชิกใหม่เข้ามาครบแล้ว ก็เริ่มทำเทปชุดใหม่ขึ้นอีกชุดหนึ่ง ใช้ชื่อชุดว่า “อยู่หอ” ชุดนี้ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ทำให้“ดิ อินโนเซ้นท์” เป็นที่รู้จักของแฟนเพลงมากขึ้น ด้วยดนตรี ป็อปร็อก สมัยนิยม เพราะชาตรีมีส่วนอย่างมากในการทำดนตรีในชุดนี้ และแฟนเพลงได้เริ่มเห็นพัฒนาการฝีมือของสมาชิกวงในการเล่นดนตรีที่เริ่มหนักแน่นและซับซ้อนขึ้น

ต่อมาไม่นาน ปฏิพาณ ได้ลาออกจากวงไป ทำให้วงกลายเป็นวงกีต้าร์ตัวเดียวไปในที่สุด ดิ อินโนเซ้นท์”ในขณะนั้นมีสมาชิกเหลืออยู่ 5 คน

จนกระทั่ง ต้นปี 2526 “ดิ อินโนเซ้นท์”ก็เริ่มทำเทปชุดใหม่ขึ้นอีกชุดหนึ่ง ใช้ชื่อชุดว่า “เพียงกระซิบ” ชุดนี้ใช้เวลาทั้งหมด 4 เดือนเต็ม ออกวางตลาดเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2526 ปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากแฟนเพลงอย่างท่วมท้น เพราะเป็นชุดที่ทำงานกันอย่างละเอียดพิถีพิถัน และพัฒนารูปแบบดนตรี รวมไปถึงลีลาการร้องเข้มข้นอีกมากจนเห็นได้ชัด หลังจากการทัวร์คอนเสิร์ตผลงานชุดนี้ เกรียงศักดิ์ได้ลาออกจากวงไป เพื่อเข้าร่วมเป็นมือกลองให้กับวง อินทนิล แทนที่ทวี ศรีประดิษฐ์ ที่ลาออกจากวงและไปทำในส่วนเบื้องหลังการทำเพลงให้วงของตัวเองแทน และสมาชิกบางส่วนของอินทนิล กลายเป็นวงเรนโบว์ ในเวลาต่อมา

ก้าวสู่ความนิยมของแฟนเพลง -การยอมรับจากนักวิจารณ์เพลง (2526-2528)

ปี 2526-2528 น่าจะเป็นช่วงยุคทองของวง ที่ยังมีการทำเพลงให้ห้องอัดเสียงอย่างสม่ำเสมอ ต่อเนื่อง ภายหลังจากมีสมาชิกใหม่พร้อมหน้ากัน นั่นก็คือไชยรัตน์ ปฏิมาปกรณ์-คีย์บอร์ด เพราะทางวงต้องการมือคีย์บอร์ดอีกคนด้วย และเกียรติศักดิ์ ยันตะระประกรณ์-กลอง เข้ามาเป็นสมาชิกวงแทนตำแหน่งที่เกรียงศักดิ์ เพราะทางวงเห็นฝีมือในการเล่นกลองไฟฟ้า เล่นเพอร์คัสชั่น และที่สำคัญคือการเล่นดนตรีในห้องบันทึกเสียงได้อย่างดีเยี่ยม

อัลบั้มในลำดับถัดมา คือ อัลบั้ม รักคืออะไร (ปี 2527) และตามมาด้วยอัลบั้ม โลกใบเก่า (ปี 2528) ทั้งสองอัลบั้ม มีเพลงฮิตติดหูคนฟัง อย่างเช่น รักคืออะไร,สักวัน,ทางหนึ่งซึ่งหวัง,เพียงครึ่งใจ, หนุ่มค้างปี ฯลฯ ซึ่งในเวลานั้น ถือเป็นยุคทองของวงดิอินโนเซ้นท์ ที่มีเพลงติดตลาดอย่างต่อเนื่อง ในช่วงเวลาเดียวกันนี้เองที่นักวิจารณ์เพลงในเมืองไทย เริ่มมองทางวงในแง่ให้การยอมรับในฝีมือชั้นเชิงทางดนตรีและเนื้อหา อย่างดีมากขึ้น ยกย่อง ดิ อินโนเซ้นท์ ในการทำดนตรีที่มีพัฒนาการมากกว่าวงสตริง หรือ วงเด็กวัยรุ่นในยุคเดียวกัน โดยเฉพาะการทำเพลง-เล่นดนตรี การแสดงบนเวทีและการบันทึกเสียงซึ่งพวกเขาทำเองทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อัลบั้ม โลกใบเก่า ซึ่งเคยได้รับการวิจารณ์ที่ดีจาก ขุนทอง อสุนี ณ อยุธยา คอลัมน์นิสประจำนิตยสาร Quiet Storm นิตยสารทางดนตรีชื่อดังในยุคนั้น

ครั้งนี้...ของพี่กับน้อง (2529)

หลังจากนั้นในปี 2529 เกียรติศักดิ์ และ ไชยรัตน์ ได้ลาออกไป ทำให้เหลือสมาชิกหลักเพียง 4 คนเท่านั้น การทำงานในห้องอัดเสียงของวงจึงปรับเปลี่ยนไปจากการใช้เสียงกลองไฟฟ้าอัดจริง มาเป็นเสียงจาก Drum Machine แทน โดยไม่รับสมาชิกใหม่เพิ่มเติม เมื่อเวลาแสดงสด จึงใช้มือกลองอาชีพเข้ามาร่วมงานเฉพาะกิจ

และในปีนั้น วงดิอินโนเซ้นท์ ก็ได้ออกงานอัลบั้มใหม่ ชื่อ ครั้งนี้ของพี่กับน้อง (ปี 2529) มีเพลงฮิต ติดหูมาจนถึงปัจจุบันหลายเพลง ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จค่อนข้างดี เช่นเพลง ฝันและใฝ่, ฝากรัก, ดาราทีวี และ มือที่สาม โดยเฉพาะเพลงมือที่สาม เป็นที่ฮือฮากันมากในหมู่คนรักดนตรี เนื่องจากเป็นเพลงที่เน้นเนื้อหาดนตรี การแจมดนตรีกันของสมาชิกในวง การ improvise ด้นเนื้อสดขณะการบันทึกเสียง ซึ่งค่อนข้างแตกต่างไปจากสไตล์เพลงของวงที่ผ่านมา

ในชุดนี่เองที่วงได้เชิญ วรสิทธิ์ ชีพสาธิต เข้ามาเป็นนักร้องรับเชิญและร้องเสียงคอรัสในหลายๆเพลง โดยเฉพาะเพลง เพลงฝากรัก ซึ่งขับร้องโดยวรสิทธิ์ ได้รับความนิยมอย่างมาก

จึงทำให้เพลงนี้กลายเป็นนเพลงประจำตัวของวรสิทธิ์ไปในเวลาต่อมา นอกเหนือจากนั้น การเติบโตทางฝีมือของสมาชิกแต่ละคนก็มีมากขึ้นตามเวลา ทำให้หลายคนเริ่มได้รับเชิญไปร่วมงานดนตรีกับงานอื่นๆมากขึ้น

ภายหลังจากช่วงโปรโมท อัลบั้ม ครั้งนี้ของพี่กับน้อง เสร็จสิ้นลงในปลายปี 2529 “ดิ อินโนเซ้นท์”ก็เงียบหายไป เพราะทุกคนต่างมีภารกิจมากมายจนไม่มีเวลาทำเพลงของตนเอง แต่พวกเขาก็ยังคงติดต่อและคิดทำเพลงที่มีแบบฉบับของ“ดิ อินโนเซ้นท์”อีกครั้ง

10 นาฬิกา (2532)

ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่พวกเขาหายไป “ดิ อินโนเซ้นท์”ทุกคนต่างสั่งสมประสบการณ์ดนตรีมากขึ้นเช่นการไปร่วมงานกับ เรวัต พุทธินันทน์ และ ดนุพล แก้วกาญจน์ รวมไปถึงการไปทำเพลงที่บริษัทแกรมมี่ เอนเตอร์เทนเมนท์ ของชาตรี การเรียบเรียงดนตรีและเล่นดนตรีในห้องบันทึกเสียงของพีรสันติ เสนีย์ไปเล่นดนตรีแบ็คอัพให้กับศิลปินต่างๆ เช่น เฉลียง เป็นต้น

ต้นปี 2532 อัลบั้ม 10 นาฬิกา อัลบั้มชุดใหม่ในรอบ 3 ปีของทางวงจึงวางแผง พร้อมการมาถึงรูปแบบดนตรีใหม่ๆของทางวงที่ปรับเปลี่ยนไปตามสมัยนิยมมากขึ้นในยุคนั้น โดยเฉพาะดนตรีในแนว ป็อปร็อก ที่แฟนเพลงชื่นชอบและไม่ได้ยินมานานจากทางวง เพลงจากชุดนั้นเช่น เสียเวลาเปล่า,เห็นใจกันหน่อย,เพราะเธอรึเปล่า ต่างได้รับความนิยมแทบทั้งสิ้น

“ดิ อินโนเซ้นท์” ในชุดนี้ จึงมีสมาชิกเพียง 4 คนเช่นเดิม โดยมี โรเบิร์ต ดิล่า-กลอง เป็นสมาชิกสมทบที่รับเชิญมาเล่นกลองในช่วงทัวร์คอนเสิร์ต

อัลบั้ม 10 นาฬิกา ได้รับการตอบรับอย่างดีมากในแง่ของผลงานดนตรีที่มีภาพ นักวิจาร์ณเพลงตามนิตยสารเพลงต่างๆ ต่างยกย่องว่า อัลบั้มชุดนี้ทำให้เปลี่ยนภาพลักษณ์ของวงดนตรีนักเรียนขวัญใจวัยรุ่น มาเป็นวงดนตรีร็อกที่เน้นเนื้อหาทางดนตรีอย่างเต็มตัว

ยุติวง-ผลงานของสมาชิกหลังจากนั้น

วงดิอินโนเซ้นท์ มีการออกทัวร์คอนเสิร์ตหลายที่มากกว่าชุดใดๆ ที่ทำมาของทางวง เพราะผลจากความนิยมของอัลบั้ม 10 นาฬิกา จนเมื่อผ่านช่วงเวลานั้นไป สมาชิกหลักของวงแต่ละคน ก็เริ่มกลับมาทำงานที่ตนเองมีภาระอยู่

ชาตรี คงสุวรรณ ทำงานห้องอัดเสียง บันทึกเสียงและควบคุมการผลิตเพลงให้กับศิลปินในสังกัดแกรมมี่ มากมาย ทั้งยังดำรงตำแหน่งเจ้าของค่ายเพลง อาร์พีจี ในเครือแกรมมี่ ก่อนที่ต่อมาจะลาออกหันมาทำค่ายเพลง และ โปรดักชั่นเฮ้าส์เอง ในชื่อว่า คราฟแมน เรคคอร์ด และ มิสเตอร์ มิวสิก โดยยังคงรับหน้าที่แต่งเพลง นักดนตรีในห้องอัดเสียง โปรดิวเซอร์ Music Director ให้กับ Academy Fantasia รายการ Reality Show ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในเมืองไทย

เมื่อปลายปี 2550 ชาตรีได้ออกอัลบั้มเดี่ยวชุดแรกในชีวิต ชื่ออัลบั้มว่า Into The Light ซึ่งได้รับรางวัลอัลบั้มยอดเยี่ยมจาก สีสันอะวอร์ด ในปี 2552 นี้

พีรสันติ จวบสมัย เป็นนักแต่งเพลงอยู่เบื้องหลังงานของศิลปินต่างๆ รวมไปถึงการทำเพลงโฆษณาและเพลงประกอบภาพยนตร์ ออกอัลบั้ม Togetther ในฐานะโปวดิวเซอร์และเพลงคนแต่งเพลงทั้งอัลบั้ม โดยมีนักร้องรับเชิญมากมาย เช่นปั่น(รักเธอทุกวัน), โรสแมรี่(ใจเป็นของเธอ), ฟอร์ด(ลืม),วงพองพอง(รูปเก่าๆ) และได้ สายชล ระดมกิจ มาขับร้องในเพลง ดึกก็กลับ

สายชล ระดมกิจ หันมาเป็นศิลปินเดี่ยว ได้กลับมาทำอัลบั้มเดี่ยวในสังกัดเบเกอรี่ มิวสิก โดยนำผลงานเพลงเก่าของวง ดิ อินโนเซ้นท์ มาทำใหม่ โปรดิวซ์โดย บอย โกสิยพงษ์ ในอัลบั้มชุด A Touch of the Innocent (ปี พ.ศ. 2539) และต่อมาได้ออกอัลบั้มเดี่ยวอีกหนึ่งชุด แต่เป็นการนำเพลงเก่าในสังกัดเบเกอรี่ มิวสิก มาทำใหม่ โดยได้ พีรสันติ จวบสมัย มาเป็นโปรดิวเซอร์ให้ ในอัลบั้มชุด Portrait of the Innocent (ปี พ.ศ. 2541) จากการชักชวนของบอย โกสิยพงษ์ เพราะบอยชื่นชอบและเป็นแฟนเพลงของ ดิ อินโนเซ้นท์ มาตั้งแต่เด็กๆ นั่นเอง ต่อมาสายชล ก็ทำหน้าที่ดูแลศิลปินให้กับค่ายเบเกอรี่ด้วย ซึ่งปัจจุบันคือ ค่ายเพลงเลิฟอีส (Love is)

เสนีย์ ฉัตรวิชัย ก็หันไปทำธุรกิจส่วนตัว และยังคงเล่นดนตรีร้องเพลงบ้างตามโอกาสสมควร

สิทธิศักดิ์ กิจเต่ง ภายหลังจบการศึกษาในจังหวัดราชบุรีแล้ว จึงเดินทางเข้ามากรุงเทพฯ และฟอร์มวงดนตรีใหม่ชื่อว่า ซัคเซส โดยออกผลงานชุดแรกและชุดเดียวชื่อเดียวกันกับชื่อวง ภายใต้สังกัดนิธิทัศน์ มีเพลงฮิตอย่าง แรงรัก, ฤทธิ์รัก, ใครหนอใคร และ รักมั่นคง ซึ่งต่อมาในเพลงหลังนี้ วง เพื่อน ได้นำมาขับร้องใหม่และอยู่ในอัลบั้ม ที่รัก

ส่วนเกียรติศักดิ์ ยันตะระประกรณ์ ยังคงเล่นดนตรีกลางคืน เล่นดนตรีแบ็คอัพศิลปินทั้งในห้องอัดและคอนเสิร์ตจนถึงปัจจุบัน อีกทั้งยังทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ สำนักงานบรรเทาทุกข์ฯ สภากาชาดไทย . ถือได้ว่ากิจกรรมที่ทำร่วมกันในนามวง ดิ อินโนเซ้นท์ จึงหยุดลงตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เป็นเวลา 20 ปี

การรียูเนี่ยน - 2552

แม้ทางวงจะยุติบทบาทในการเป็นคนเบื้องหน้าไปแล้วก็ตาม แต่แฟนเพลงก็ยังรอคอยการกลับมารวมตัวกันใหม่ของ ดิ อินโนเซ้นท์ อยู่เสมอ และถือเป็นวงดนตรีไทย ที่ทุกคนยังคงกล่าวถึงทั้งในแง่ฝีมือ ความไพเราะของบทเพลง แต่ก็ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างเป็นจริงเป็นจังสักครั้งในเวลาที่ผ่านมา

จนกระทั่งกลางปี 2552 ดิ อินโนเซ้นท์ ที่มีสมาชิกหลัก 4 คน ได้แก่ ชาตรี สายชล พีรสันติ เสนีย์ ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน กลับมารวมตัวทำงานร่วมกันอีกครั้ง อย่างเป็นทางการ พร้อมกับการจัดคอนเสิร์ตใหญ่ ที่ อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี ในวันเสาร์ที่ 10 ตุลาคม 2552 สร้างความสนใจและความน่ายินดีแก่แฟนเพลงอย่างยิ่งถือเป็นข่าวดีและให้ความสนใจในรอบปีของวงการเพลงไทย

ผลงาน

วง ดิ อินโนเซ้นท์ มีผลงานเพลงทั้งหมด 9 อัลบั้ม

1. รักไม่รู้ดับ (พ.ศ. 2523)

ประกอบด้วยเพลง : รถเมล์, ยิ้ม, ราชบุรี, คำใดไม่ซึ้ง, สู่เสรี, ราตรีที่ทะเล, ผีหลอก, ใครหนอ, รถม้าลำปาง, หนทางมันไกล, ฮูดัง, ชะตาแกล้ง, ชีวิตนักเรียนหอ, วันปิดเทอม

สมาชิกวง : พีรสันติ จวบสมัย, สายชล ระดมกิจ, สิทธิศักดิ์ กิจเต่ง

2. บางประกง (พ.ศ. 2524)

ประกอบด้วยเพลง : บางประกง, เสน่ห์บ้านนาเขลียง, ปลาตะเพียน, ฝัน... รักสุดท้ายคือฝัน, โลกวุ่น, วันเปย์เดย์, อาณาจักรราม, ความฝันแห่งชีวิต, น้ำใจพ่อ, สู่เหย้า, พลิกล็อก, เมา

สมาชิกวง : พีรสันติ จวบสมัย, สายชล ระดมกิจ, สิทธิศักดิ์ กิจเต่ง

3. ขวัญใจนักเรียน (พ.ศ. 2524)

ประกอบด้วยเพลง : สอบตก, เมืองไทยแสนดี, เสียงจากแม่กลอง, ราชบุรี, ศิษย์เก่ารำลึก, ขวัญใจนักเรียน, เพลงนี้ชั่วนิรันดร์, คืนสู่หย้า, เมืองในฝัน, ชีวิตนักเรียนหอ

สมาชิกวง : พีรสันติ จวบสมัย, สายชล ระดมกิจ, สิทธิศักดิ์ กิจเต่ง, เกรียงศักดิ์ จงธีระธรรม

4. อยู่หอ (พ.ศ. 2525)

ประกอบด้วยเพลง : อยู่หอ, รอยรัก รอยเล็บ, ยังรักเธออยู่, มนต์ไทรโยค, เจ็บ, ไม่ลอง ไม่รู้, ทาสความดี, คนจะรักกัน, ควันสีขาว, เที่ยวทะเล

สมาชิกวง : พีรสันติ จวบสมัย, สายชล ระดมกิจ, เสนีย์ ฉัตรวิชัย, ชาตรี คงสุวรรณ, เกรียงศักดิ์ จงธีระธรรม, ปฏิภาณ สุขสุทธิ

5. เพียงกระซิบ (พ.ศ. 2526)

ประกอบด้วยเพลง : 14-16-18 (วัยบริสุทธิ์), เพียงกระซิบ, อำนาจรัก, ฝากใจถึงเธอ, ปุยฝ้าย, ไม่เคยคิดเลย, กำพร้า, ชีวิต, แจกันรัก, ป่าของเรา

สมาชิกวง : พีรสันติ จวบสมัย, สายชล ระดมกิจ, เสนีย์ ฉัตรวิชัย, ชาตรี คงสุวรรณ, เกรียงศักดิ์ จงธีระธรรม

6. รักคืออะไร (พ.ศ. 2527)

ประกอบด้วยเพลง : รักคืออะไร, สักวัน, โลกแห่งความสุข, สำนึก, เมืองอะไร, ใจเธอใจฉัน, ขาดเธอ, ทางหนึ่งซึ่งหวัง, สาวเฟี้ยวฟ้าว, Medley อินโนเซนท์

สมาชิกวง : พีรสันติ จวบสมัย, สายชล ระดมกิจ, เสนีย์ ฉัตรวิชัย, ชาตรี คงสุวรรณ, เกียรติศักดิ์ ยันตะระประกรณ์, ไชยรัตน์ ปฏิมาปกรณ์

7. โลกใบเก่า (พ.ศ. 2528)

ประกอบด้วยเพลง : กระต่ายเพ้อ, สองใจรัก, รักเธอคนเดียว, โลกใบเก่า, ไปตามกัน, เรื่องของหัวใจ, เพียงครึ่งใจ, ฝากฟ้าสั่งดิน, เจ้าสาว, หนุ่มค้างปี

สมาชิกวง : พีรสันติ จวบสมัย, สายชล ระดมกิจ, เสนีย์ ฉัตรวิชัย, ชาตรี คงสุวรรณ, เกียรติศักดิ์ ยันตะระประกรณ์, ไชยรัตน์ ปฏิมาปกรณ์

8. ครั้งนี้... ของพี่กับน้อง (พ.ศ. 2529)

ประกอบด้วยเพลง : ฝันและใฝ่, ดาราทีวี, ฝากรัก, ก็ฉันไม่ดีเอง, วัยหวาน, สาว 86, คืนก่อน, ตอบหน่อยนะ, สายเกินรัก, เรา, วันลา, มือที่สาม

สมาชิกวง : พีรสันติ จวบสมัย, สายชล ระดมกิจ, เสนีย์ ฉัตรวิชัย, ชาตรี คงสุวรรณ, วรสิทธิ์ ชีพสาธิต (รับเชิญ)

9. 10 นาฬิกา (พ.ศ. 2532)

ประกอบด้วยเพลง : เสียเวลาเปล่า , เกิดมาทำไม, เห็นใจกันหน่อย, เรื่องมันใหญ่, ขายหัวเราะ, บอกแล้ว, เพราะเธอหรือเปล่า, 589-3375, จะเอายังไง, ลองคิดดู, 26.00 น.

สมาชิกวง : พีรสันติ จวบสมัย, สายชล ระดมกิจ, เสนีย์ ฉัตรวิชัย, ชาตรี คงสุวรรณ