Maroon 5

แหล่งกำเนิด ลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา

แนวเพลง ป็อป,ป็อปร็อก,อัลเทอร์เนทีฟร็อก

ปี พ.ศ. 2537 - 2544 ในชื่อ คาร่าส์ฟลาเวอร์ส

พ.ศ. 2545 - ปัจจุบัน ในชื่อ มารูนไฟฟ์

ค่าย โซนีมิวสิก (พ.ศ. 2545)

ยูนิเวอร์แซลมิวสิกกรุ๊ป (พ.ศ. 2550 - ปัจจุบัน)

สมาชิก

อดัม เลวีน (นักร้องนำ)

เจมส์ วาเลนไทน์ (กีตาร์)

เจสซี คาไมเคิล (คีย์บอร์ด) (อยู่ระหว่างลาพัก)

มิคกี แมดเดน (เบส)

แมตต์ ฟลินน์ (กลอง)

พีเจ มอร์ตัน (แทนที่เจสซีชั่วคราว)

อดีตสมาชิก

ไรอัน ดูซิค (กลอง) (1997-2006)

มารูนไฟฟ์ (อังกฤษ: Maroon 5) เป็นวงดนตรีแนวป๊อปร็อกสัญชาติอเมริกัน จากลอสแอนเจลิส แคลิฟอร์เนีย ในขณะที่พวกเขาเรียนอยู่โรงเรียนมัธยม อดัม เลวีน ตำแหน่งกีต้าร์และร้องนำ เจสซี คาร์ไมเคิล ตำแหน่งคีย์บอร์ด มิคกี้ แมดเดน ตำแหน่งกีต้าร์เบส และไรอัน ดูซิค ตำแหน่งกลอง ได้ก่อตั้งวงดนตรีแนวการาจร็อกในชื่อ คาราส์ฟลาวเออร์ส (Kara's Flowers) และออกอัลบั้ม 1 อัลบั้มชื่อ เดอะโฟร์ธเวิลด์ (The Fourth World) ในปี ค.ศ. 1997 เพียงช่วงเวลาไม่นานหลังจากพวกเขากลับมารวมตัวกับเจมส์ วาเลนไทน์ ตำแหน่งกีต้าร์ ที่ชักนำให้วงเปลี่ยนแนวดนตรีไปเป็นแนวป๊อปมากยิ่งขึ้นในชื่อ มารูนไฟฟ์ (Maroon 5) ในปี ค.ศ. 2004 พวกเขาออกอัลบั้มเปิดตัวชุดแรก ซองส์อะเบาต์เจน (Songs About Jane) ที่มีเพลงฮิต 4 เพลงได้แก่ Harder to Breathe, This Love, She Will Be Loved และ Sunday Morning อัลบั้มนี้ยังประสบความสำเร็จในชาร์ตชื่อดังมากมาย ได้รับรางวัล RIAA จากหลายประเทศทั่วโลก

เพื่อโปรโมตอัลบั้ม ซองส์อะเบาต์เจน มารูนไฟฟ์ได้ออกทัวร์ตลอดปี ค.ศ. 2003 - 2005 และเกิดอัลบั้มการแสดงสด 2 อัลบั้มในระหว่างนั้น มารูนไฟฟ์ได้รับรางวัลแกรมมี สาขาศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยม (Grammy Award for Best New Artist) ในปี ค.ศ. 2005 ต่อมาดูซิคได้ลาออกจากวงในเดือนกันยายน ค.ศ. 2006 โดยให้เหตุผลว่าได้รับบาดเจ็บจากการทัวร์คอนเสิร์ตอย่างต่อเนื่อง และตำแหน่งถูกแทนที่โดย แมตต์ ฟลินน์ (Matt Flynn) สตูดิโออัลบั้มชุดที่ 2 ของมารูนไฟฟ์ในชื่อ อิตโวนท์บีซูนบีฟอร์ลอง (It Won't Be Soon Before Long) ออกมาในปี ค.ศ. 2007 ด้วยซิงเกิล Makes Me Wonder ซึ่งเป็นซิงเกิลแรกที่ขึ้นถึงอันดับ 1 ของชาร์ตบิลบอร์ดฮอต 100 และยังมีซิงเกิลต่อมาเช่น Won't Go Home Without You และ Wake Up Call มารูนไฟฟ์แสดงคอนเสิร์ตในการทัวร์ 2 ครั้งระหว่างเดือนมิถุนายน และพฤศจิกายน ค.ศ. 2007 ในระหว่างนั้นก็มัอัลบั้มรวมเพลงออกมาในชื่อ เดอะบีไซด์คอลเลคชัน (The B-Side Collection)

ในปี ค.ศ. 2008 มีอัลบั้มการแสดงสด 2 อัลบั้มและอัลบั้มรีมิกซ์ 1 อัลบั้มออกมา สตูดิโออัลบั้มชุดที่ 3 ในชื่อ แฮนด์สออลโอเวอร์ (Hands All Over) ก็ออกมาในสหรัฐอเมริกาในวันที่ 21 กันยายน ค.ศ. 2010 ตั้งแต่เปิดตัวใน ค.ศ. 2002 มารูนไฟฟ์ได้ขายอัลบั้มไปมากกว่า 10 ล้านตลับในสหรัฐอเมริกา

ซิงเกิลที่ได้รับความนิยมที่สุดของมารูนไฟฟ์ ซึ่งนับถึงเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2012 ขายได้มากกว่า 8 ล้านตลับทั่วโลก ได้แก่เพลง Moves Like Jagger ซึ่งร้องร่วมโดย คริสตินา อากีเลรา กลายเป็นหนึ่งในซิลเกิลที่ขายดีที่สุดตลอดกาล

ใน วันที่ 26 มีนาคม ค.ศ. 2012 มารูนไฟฟ์ประกาศว่าสตูดิโออัลบั้มชุดที่ 4 มีชื่อว่า โอเวอร์เอกซ์โพสท์ (Overexposed) ออกมาในวันที่ 26 มิถุนายน ค.ศ. 2012[6] ซิงเกิลแรกได้แก่เพลง Payphone ซึ่งร้องร่วมโดยนักร้องแร็ป วิซ คาลิฟา เปิดตัวในชาร์ตบิลบอร์ดฮอต 100 ที่อันดับ 3 และขึ้นได้ถึงอันดับที่ 2 ในที่สุด ซิงเกิลที่ 2 ชื่อ One More Night กลายเป็นซิงเกิลลำดับ 3 ของพวกเขาที่ขึ้นอันดับ 1 ในชาร์ตบิลบอร์ดฮอต 100 ได้สำเร็จ ในวันที่ 26 สิงหาคม ค.ศ. 2012 ระหว่างทัวร์อัลบั้ม Overexposed ในแอฟริกาใต้นั้น มารูนไฟฟ์แสดงดนตรีต่อหน้าผู้คน 30,000 คนที่ Arena Anhembi เซาเปาโล ประเทศบราซิล ซึ่งเลวีนกล่าวว่าเป็นคอนเสิร์ตสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดของวงจนถึงทุกวันนี้