Restrospec

แหล่งกำเนิด  กรุงเทพ ประเทศไทย

แนวเพลง แทรชเมทัล

อัลเทอร์เนทีฟ เมทัล

เมทัลคอร์

สปีดเมทัล

เฮฟวี่เมทัล

ฮาร์ดร็อก

ปี 2547-ปัจจุบัน

ค่าย จีนี่ เรคคอร์ดส

เร็ทโทรสเปกต์ (Retrospect) เป็นวงดนตรีแนวเฮฟวี่เมทัลที่นำเสนอเพลงและเสียงร้องที่หนักหน่วงผสมทำนองที่อ่อนหวาน โดยที่เป็นที่รู้จักกันดีคือนักร้องนำของวง ชนัทธา สายศิลา(แน็ป) ด้วยเอกลักษณ์ที่โดดเด่นทางด้านการแสดงสด มันส์ ดิบ เถื่อน การโซโล่กีตาร์ที่เร็ว กระโดดลงจากเวทีมาเล่นกับคนดูอย่างบ้าคลั่ง เป็นวงที่แสดงสดได้แปลก แหวกแนว น่าสนใจ ในช่วงเวลาที่ผ่านมาไม่กี่ปี พวกเขาออกผลงานมาแล้ว 3 อัลบั้ม(บนดิน) และผลงานสตูดิโออัลบั้มชุดที่ 3 คือ The Lost Souls ได้วางแผงไปในช่วงปลายปี 2553

ล่าสุด Retrospect ได้เปิดตัวซิงเกิ้ลแรกของอัลบั้มที่ 4 เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา มีชื่อเพลงว่า เจ็บกว่าคือฉัน ซึ่งยังคงเอกลักษณ์ของความเป็น Retrospect ไว้อย่างชัดเจน ร็อคที่หนักหน่วงและเมโลดี้ที่อ่อนหวาน กระแสตอบรับมาแรงเกินคาด เพียงไม่ถึง 24 ชม. ยอดวิวใน Youtube ขึ้นเกือบ 100000 วิว!! ใครที่อยากเปิดโสตประสาทสัมผัสใหม่ๆ เชิญรับฟังกันได้ที่ Facebook ของวง

สมาชิก

ชนัทธา สายศิลา (แน็ป) (ร้องนำ) (02 กันยายน 2527)

ธนพล ศรีกาญจณา (น็อต) (กีตาร์) (13 พฤษภาคม 2527)

ณพวัชร คชาชีวะ (บอม) (เบส) (19 เมษายน 2527)

ศุทธิพันธ์ สังข์ยุทธ (เบิร์ธ) (กลอง) (28 กรกฎาคม 2527)

ประวัติ

เริ่มจากเกมส์ Counter strike แน็ป (ร้องนำ) ได้พบกับ บอม (มือเบส) ในร้านเกมส์ จนเริ่มสนิทคุยกันถูกคอและชอบตกปลาเหมือนกันจึงชวนกันไปตกปลา แล้ววันที่ไปตกปลากันแน็ปได้เอาวิทยุไปด้วย แล้วเอาเทปเป็นเพลงเฮฟวี่เมทัลไปด้วย บอมซึ่งชอบฟังเพลงแนวนี้อยู่แล้วก็เลยพูดออกไป ชอบฟังเพลงแบบนี้เหมือนกันเหรอ มีวงไหม เราเองก็คิดจะทำวงอยู่ แน็ปเค้าบอกว่าไม่มี ก็มาลองรวมๆกัน เริ่มแรกจะมีอยู่ 4 คน พี่บิ๊ก,แน็ป,บอม,น๊อต โดยใช้ชื่อครั้งแรกว่า Retrospect ซึ่งเกิดจากการจิ้มลงไปใน Dictionary โดนที่ตัว R ลองหาคำที่มันดูแตกต่างไปเจอคำว่า Retrospect ซึ่ง แปลว่า การหวนรำลึก,คิดถึงอดีต ซึ่งในขณะนั้นกระแส Pop มาแรงมากครองตลาดในตอนนั้นทำให้วงรู้สึกว่าอยากจะมองสวนกระแสกลับไป ดนตรี Rock ที่มันหายไปนานในช่วงเวลานั้น เลยใช้คำว่า Retrospect เป็นชื่อวงตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

นอกรอบ

วง Retrospect แต่ละคนเคยผ่านเวทีประกวดทางดนตรีมาทั้งสิ้น...

บอม (เบส) และเพื่อนๆจากโรงเรียนเทพมิตรศึกษา เคยผ่านเข้ารอบ 10 วงสุดท้าย ถึง 2 ครั้ง ใน Hot Wave Music Awards ครั้งที่ 2 และ 3 ซึ่งในขณะนั้นศึกษาอยู่ชั้น ม.2 ครั้งต่อมาก็ ม.3 ซึ่งเป็นวงอายุน้อยที่สุดในขณะนั้นจนถึงปัจจุบันที่ผ่านเข้ารอบ 10 วงสุดท้าย

น๊อต (กีต้าร์) พร้อมเพื่อนจากจากโรงเรียนมัธยมสาธิตวัดพระศรีฯ ก็เข้าประกวด Hot Wave Music Awards ครั้งที่ 5

แน็ป (นักร้อง) พร้อมเพื่อนโรงเรียนดอนเมืองทหารอากาศบำรุง ก็เคยเข้าประกวด Hot Wave Music Awards ครั้งที่ 6

เบิร์ท (กลอง) พร้อมเพื่อนโรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัย ก็เคยเข้าประกวด Hot Wave Music Awards ครั้งที่ 7 ตามหลังแน็ปมา 1 ปี พอดิบพอดี

ก่อตั้งวง

วง Retrospect เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2544 โดยมีบิ๊กพี่ชายของมือเบสเป็นแกนหลักด้วยการทำเพลง แนว Industrial Metal และมีแน็ปเป็นผู้เขียนโปรแกรมจำลองเสียงกลองและบันทึกเสียง หลังจากนั้นบอม (มือเบส) และน๊อต (มือกีตาร์) ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิก สมาชิกในยุคแรกจึงมี แน็ป (กลอง-ร้องนำ) บิ๊ก (กีตาร์) บอม (เบส) และน็อต (กีตาร์)

ดนตรีของวงช่วงแรกเป็นดนตรีแนว Metal Core ที่ค่อนข้างหยาบกระด้างและมีกลิ่นอายของ nu metal ดิบและรุนแรง พวกเขาเริ่มเล่นตามงานเล็ก ๆ ต่าง ๆ ได้สักพัก จึงรับสมัครมือกลองเพิ่ม จนกระทั่งแน็ปได้พบกับเบิร์ธเพื่อนสมัยประถม ซึ่งเป็นมือกลองที่เคยประกวดที่ต่าง ๆ แน็ปจึงชวนให้สมัครเป็นมือกลอง และได้รับการคัดเลือก ต่อมามือกีตาร์ผู้ก่อตั้งวงได้เดินทางไปศึกษาต่อที่ประเทศสหรัฐอเมริกา จึงทำให้ Retrospect เหลือสมาชิกเพียง 4 คน

เริ่มเป็นที่รู้จัก

กลางปี พ.ศ. 2546 Retrospect ได้ออก E.P. ชุดแรก โดยการชักชวน และแนะนำจาก สยาม ชุมทอง (ต้น Dezember) โดยใช้ชื่ออัลบั้มว่า E.P. For Your Ears Only โดยทางวงแต่งคำร้อง ทำนอง เรียบเรียงเสียงประสาน ตลอดจนบันทึกเสียง ออกแบบปก แผ่นซีดี และสกรีนแผ่นเองเป็นจำนวน 150 แผ่น เริ่มวางจำหน่ายครั้งแรกที่งาน Territory Metal Fest ในงานนี้สมาชิกได้พบกับวง Bikini ซึ่งเป็นที่มาของ Screamlab กลุ่มดนตรีที่มาจากการรวมตัวของวงดนตรี 4 วง ประกอบไปด้วย Bikini Retrospect Housetrap และ Sweet Mullet

ก้าวสู่ค่ายใหญ่

ปลายปี พ.ศ. 2546 Retrospect ได้รับคัดเลือกให้ไปเล่นคอนเสิร์ตในงาน Fat Festival ครั้งที่ 3 ทางวงจึงวางแผนที่จะนำอัลบั้ม E.P. ที่วางขายเมื่อปีที่ผ่านมามาจำหน่ายอีกครั้ง และเพิ่มเพลงพิเศษหนึ่งเพลง ใช้ชื่อว่า E.P. For Your Ears Anytime จำนวน 150 แผ่น ระหว่างที่ทางวงออกทัวร์เล่นคอนเสิร์ตในที่ต่าง ๆ ไปเรื่อย ๆ ก็มีค่ายเพลงมาทาบทามให้ไปร่วมเซ็นสัญญาอยู่บ้าง แต่มีเงื่อนไขว่าวงอาจต้องลดความดุดัน และความรุนแรงลง ซึ่งพวกเขาคิดว่าจะเป็นการเสียเอกลักษณ์ในการทำดนตรีของวง พวกเขาจึงตั้งใจผลิตผลงานเพลงและออกแสดงคอนเสิร์ตต่อไป และจากการแนะนำของ เต๋า นักร้องนำวง Sweet Mullet พวกเขาจึงได้พบกับพี่โน่ ดนัย ธงสินธุศักดิ์ โปรดิวเซอร์ค่ายจีนี่ เร็คคอร์ด ซึ่งทางเขากำลังมองหาวงดนตรีแนวทางใหม่ๆ และเพลงนอกกระแสหรือเรียกว่า Underground ให้ได้มีผลงานในค่ายใหญ่ จึงเริ่มทำ Demo นำเสนอต่อทางค่าย และได้เซ็นสัญญากับ Genie-Records (จีนี่ เร็คคอร์ด) ในเครือจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เมื่อต้นปี พ.ศ. 2547 และได้ออกซิงเกิล ไม่มีเธอ อัลบั้มรวมศิลปินใน Show room vol.1 ถือว่าเป็นผลงานที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ทำให้ Retrospect เป็นที่รู้จักกันมากขึ้น และเป็นเหมือนผลงานสำคัญที่ทำให้พวกเขาได้ออกอัลบั้มเดี่ยวของตัวเอง

Retrospect ออกอัลบั้มครั้งแรก ในชื่อ อัลบั้มว่า Unleashed (อันลีชด์) เมื่อปี พ.ศ. 2550 ซึ่งนำดนตรีที่เรียกว่าแนวเมทัลคอร์มานำเสนอให้แก่สายตาประชาชนชาวไทยซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง เพราะถือเป็นวงเมทัลคอร์ไทยวงแรก ที่นำเอาวัฒนธรรมคอนเสิร์ต แบบที่เรียกว่า Hardcore Dancing มาเผยแพร่ ซึ่งทำให้กลุ่มแฟนเพลงของพวกเขาแพร่ขยายออกไปอย่างรวดเร็ว จาก Retrorian กลุ่มเล็กๆ ออกไปสู่แฟนเพลงทั่วประเทศ และหลังจากที่พวกเขาออก อัลบั้ม Unleashed เพลงที่รู้จักกันดีในอัลบั้มนั้นได้แก่ เพราะว่ารัก ปล่อยฉัน เปลือก ไม่มีเธอ สุดที่รัก พวกเขาประสบความสำเร็จอย่างมาก กลายเป็นปรากฏการณ์อย่างนึงเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะเพลง ปล่อยฉัน บทเพลงแรกที่ได้รับกระแสตอบรับอย่างรุนแรงจากแฟนเพลงที่ร่วมโหวตทำให้ ฮิตทะยานขึ้นสู่อันดับ 1 คลื่นวิทยุ Hot 91.5 และ Seeds 97.5 อย่างรวดเร็วถึง 2 ชาร์ตพร้อมกันและยาวนานติดต่อกันถึง 3 อาทิตย์รวด ด้วยค่านิยมแบบการแต่งตัวที่ทำให้เด็กวัยรุ่นในช่วงนั้นนิยมใส่เสื้อสีดำและเสื้อลายสก็อต ทำให้เสื้อลายสก็อตขาดตลาดไปพักนึงเลยทีเดียว ด้วยทรงผมที่เป็นเอกลักษณ์ แนวดนตรีที่ไม่ค่อยมีกลุ่มคนเล่นกันในวงกว้างและดูน่าสนใจ เลยทำให้มีแฟน Retrorian เป็นจำนวนมาก มีการจัดคอนเสิร์ตใหญ่ของอัลบั้มแรกในเวลาต่อมาไม่นาน กับ Retrospect The First Concert

MRD#2 The Brand New Blood เป็นอีกหนึ่งคอนเสิร์ตที่ถือว่า Retrospect เป็นศิลปินหลักในการขึ้นโชว์ ร่วมกับพี่น้องศิลปินสายเลือดใหม่อีกสี่วง Sweet Mullet, Klear, No More Tear

ระหว่างทัวร์คอนเสิร์ตไปด้วย ก็ได้แต่งเพลง ทำเพลงกันไปด้วย จนกลางปี พ.ศ. 2551 พวกเขาก็ได้ออก อัลบั้มใหม่นั้นก็คืออัลบั้ม Rise (ไร๊ส์) และเปิดตัวอัลบั้มที่สองด้วยซิงเกิล แรกก็คือเพลง แค่นิยาย ในอัลบั้มที่สองมีการเปลี่ยนแปลงในทิศทางดนตรีเพื่อให้เข้ากับคอนเซปต์ที่ทางวงตั้งใจไว้และเชื่อมโยงกับชื่ออัลบั้ม Rise ที่แปลว่า การทอแสง เพลงที่เป็นที่นิยมในอัลบั้มนี้ได้แก่ แค่นิยาย กลับมา ร้องให้พอ ซึ่งได้มีแขกพิเศษมาร่วมงานในอัลบั้มนี้ด้วย เช่น ดา (ธนิดา ธรรมวิมล) Endorphine, ยอด Bodyslam, Vietrio หลังจากออกอัลบั้ม Rise ได้ไม่นาน กระแสตอบรับค่อนข้างดีจนได้มีโอกาสเปิดคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งที่สอง Retrospect Rise Now!! Concert

ต่อมากับอัลบั้ม Project PLAY พ.ศ. 2552 เป็น อัลบั้มพิเศษของทาง Gmm Grammy ที่จัดขึ้นมาเพื่อฉลอง 25 Gmm Grammy โดยอัลบั้มนี้จะอยู่ในหมวดของ Rock โดยให้แต่ละศิลปินได้เลือกเพลงเก่าของตำนานของ Gmm Grammy มา Cover ใหม่ ให้เป็นแนวของศิลปินเอง โดยทางวงได้เลือกเพลง ละครฉากสุดท้าย ของ นันทิดา แก้วบัวสาย

ในช่วงเวลาที่ผ่านมา Retrospect ก็ได้ถูกจับตามองโดยทีมงานการจัดงาน วัคเค่น (Wacken Open Air) หรือ W:A และถูกเทียบเชิญให้ไปเล่นในงาน Wacken2009 ช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2552 ถือว่าเป็นอีกก้าวสำคัญในการทำให้ Retrospect เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น มีแฟนเพลงที่เป็นชาวต่างชาติ และได้สร้างความภาคภูมิใจ นำธงชาติไทยไปโบกสะบัดอย่างสง่างามบนเวที ท่ามกลางฝูงชนที่หลั่งไหลมาจากทั่วโลก

มีนาคม พ.ศ. 2553 Retrospect ได้ปล่อยซิงเกิลแรกในอัลบั้มที่ 3 ออกมา ศรัทธาแห่งรัก ด้วยแนวเพลงที่เปลี่ยนไปอย่างมาก นำเสนอแนวเพลงในยุค 80 - Rock'n Roll โดยมีเป้าหมายเพื่อต้องการนำเพลงในช่วงนั้นกลับมาให้เด็กวัยรุ่นในยุคนี้ได้รู้จักเพลงร็อคเก่าๆ กันอีกครั้ง ด้วยท่วงทำนองที่ไม่คุ้นหูเลยทำให้เป็นที่พูดถึงกันในวงกว้าง ในช่วงปลายปี Retrospect ได้ฤกษ์วางแผงอัลบั้มอีกครั้ง กับอัลบั้ม The Lost souls (เดอะล๊อสโซลส์) เพลงที่เป็นที่นิยมได้แก่ ศรัทธาแห่งรัก, คือเธอใช่ไหม, รบกวนจำใส่ใจ, ให้โลกรู้ Feat. ปู Black head, กอดตัวเอง

ผลงานเพลง

E.P. For Your Ears Only (พ.ศ. 2546)

สังกัด Screamlab

The Run

Cold

My Sleep

Cannibalistic Monogamy

Crossover

E.P. For Your Ears Anytime (พ.ศ. 2546)

สังกัด Screamlab

The Run

Cold

My Sleep

Cannibalistic Monogamy

Crossover

Eye On Me (เพิ่มพิเศษ)

โดยเพิ่มเพลง Eye On Me เข้าไปรวมกับอัลบั้ม E.P. For Your Ears Only

Showroom - Vol.1 (พ.ศ. 2547)[แก้]

สังกัด Genie Records GMM. (วางแผง 25/09/2547)

ไม่มีเธอ (Track 10)

Produced by : Danai Thongsinthusak

Mixed by : โป โปษยะนุกูล at Polarbear Studio

Recorded at Vintage Studio

Unleashed (พ.ศ. 2550)

สังกัด Genie Records GMM. (วางแผง 27/04/2550)

ลุกขึ้นสู้ (Feat.Screamlab)

คนบนฟ้า

ปล่อยฉัน

ความฝันของเรา

เพราะว่ารัก

ให้ฉันลืมเธอ

ขอ

คืนแห่งความเหงา

เปลือก

ไม่มีเธอ (Bonus Track จากอัลบั้ม Showroom)

สุดที่รัก

ปล่อยฉัน Acoustic Version (Bonus Track)

Produced by : Danai Thongsinthusak

Mixed by : Liam Laurence

Rise (พ.ศ. 2551)

สังกัด Genie Records GMM. (วางแผง 29/07/2551)

แค่นิยาย

สู้ต่อไป

กลับมา

Yes Sir!

เธอคือทุกอย่าง

Rise of The Moon in E minor

ทางเลือกของชีวิต

พรุ่งนี้ไม่สำคัญ

ภาพซ้ำ

แรงขับเคลื่อน

ร้องให้พอ

The Run

ลอย

Produced by : Danai Thongsinthusak

Co-produced by : Retrospectband

Mixed by : Danai Thongsinthusak & Komkrit

Play Project (พ.ศ. 2552)

สังกัด Genie Record GMM.

ละครฉากสุดท้าย

The Lost Souls (พ.ศ. 2553)

สังกัด Genie Record GMM. (วางแผง 29/10/2553)

ศรัทธาแห่งรัก

แค่นี้ไม่ตาย

เพลงของเรา

ฉันยังรอ

คือเธอใช่ไหม

รบกวนจำใส่ใจ

ให้โลกรู้ Feat. ปู Blackhead

แค้น

Yeah!

กอดตัวเอง

New Single

เจ็บกว่าคือฉัน

เจ็บปวดที่งดงาม (เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง ทองสุก 13) โดยเป็นการนำมา Cover ใหม่ จากเพลงต้นฉบับของ ป้าง นครินทร์ กิ่งศักดิ์

เหนื่อยไหมหัวใจ

คอนเสิร์ต

Opening Act. ในคอนเสิร์ต BIG ASS เปิดพรหมลิขิต ThunderDome เมืองทองธานี 17 มีนาคม 2550

เล่นเพลง เพราะว่ารัก, ปล่อยฉัน, ไม่มีเธอ

GUEST ในคอนเสิร์ต Clash Army Rock Concert Impact Arena เมืองทองธานี 21 กรกฎาคม 2550

Feat. ซากคน, ไฟรัก, วังวน

Retrospect The 1st Concert Moon Star Stu­dio 8 // 4 สิงหาคม 2550

Special Geust - Sweet Mullet, ดา (ธนิดา ธรรมวิมล) Endorphine

Opening Act. คอนเสิร์ต Linkin Park Live In Bangkok ลานกลางแจ้ง Ac­tives Squart // 11 พฤศจิกายน 2550

MRD#2 : The Brand New Blood Moon Star Stu­dio 8 // 4 พฤษภาคม 2551

ร่วมกับศิลปินอีกหลายวง Sweet Mullet, Klear, No More Tear

Retrospect Rise Now!! Concert Moon Star Stu­dio 8 // 25 ตุลาคม 2551

Special Geust - Vietrio, ชิน ชินวุฒ, น้องภูมิ Retrorian, ดา (ธนิดา ธรรมวิมล) Endorphine

Wacken Open Air 2009 เยอรมัน // 31 กรกฎาคม 2552

รายชื่อเพลง : แค่นิยาย, ความฝันของเรา, ขอ, เปลือก, ลุกขึ้นสู้, Yes Sir!, คนบนฟ้า, พรุ่งนี้ไม่สำคัญ , เพราะว่ารัก ปิดท้ายด้วย ไม่มีเธอ