ปลานิลเต็มบ้าน

วง : ปลานิลเต็มบ้าน
สังกัด : Parinam Music (ปริณาม มิวสิค)
แนวเพลง : Pop / Funk (ป็อปฟังค์)


สมาชิก:
คณิน แตงเกตุ (ตุลย์)        - Vocal
บุรินทร์ ขวัญรัตน์ (ป็อบ)    - Drums
อุทัย บุรวรรรนินทร์ (ต้น)     - Percussion
ธรธัชร์ มณีเนตร (ตูน)         - Guitar
สัญชัย หิรัญบูรณะ (ต่อ)    - Bass
ศิริศักดิ์ แต้มกิตติกุล (อาร์ท)    - Guitar

       เหตุการณ์เริ่มต้นขึ้นเมื่อทุกคนได้รวมตัวซ้อมดนตรีกันอยู่ที่บ้านที่มีบ่อเลี้ยงปลานิลบวกกับสมาชิกของวงที่มีจนเต็มบ้าน จึงเกิดวงดนตรีชื่อประหลาดว่า ปลานิลเต็มบ้าน พวกเขาได้เอาทั้งรสชาติ กลิ่น และเสียงมาเป็นส่วนผสมในการทำดนตรี ผ่านท่วงทำนองในแบบของปลานิลซาวน์ วงนี้จึงนับเป็นการรวมตัวกันของกลุ่มนักดนตรีฝีมือดีที่น่าจับตามอง

       หลังจากรวมวงทำเพลงกันมาถึง 7 ปีเต็ม ถึงวันนี้พวกเขาได้พร้อมแล้วกับ ‘ปล่อยปลา’ อัลบั้มเต็มอัลบั้มแรกของพวกเขาทั้ง 6 คน ที่พร้อมถูกปล่อยให้ทุกคนได้สัมผัสรสชาติ และกลิ่นอายของดนตรีและเสียงร้องที่ผสมผสานได้อย่างกลมกล่อมลงตัว

       เพลงซิงเกิ้ลของพวกเขา “คิดดีดี” และ “โลกส่วนตัว” ได้ขึ้นชาร์ตตามคลื่นวิทยุต่างๆ พร้อมกับการตอบรับที่ดีจากผู้ฟังทั่วประเทศ ทำให้มีแฟนเพลงที่ติดตามวงปลานิลเต็มบ้านอยู่ไม่น้อย เห็นได้จากการที่วงปลานิลเต็มบ้านไปปรากฏตัวตามเทศกาลงานดนตรีต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นงานแฟตเฟสติเวล งานบิ๊กเม้าท์เทน งานเมโลดี้ออฟไลฟ์ หรืองานอินดี้อินทาวน์ แถมล่าสุดปลานิลเต็มบ้านได้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Bedroom Artist ประจำปี 2553 ของคลื่นวิทยุ Fat Radio และได้ครองตำแหน่งชนะเลิศมาในที่สุด อัลบั้ม ปล่อยปลา นี้จะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าคุณจะฟังเพลงแบบเพลินๆได้ทั้งอัลบั้ม

เวบไซท์ :
www.parinam.com/music

 

ในยุคกระเบื้องเฟื่องฟูลอย น้ำเต้าน้อยถอยจม

 

       แรกที่น้องใหม่ในออฟฟิศแนะนำชื่อ“ปลานิลเต็มบ้าน”ให้รู้จัก ให้ตายเหอะแบทแมน ผมนึกว่านี่เป็นชื่อกลุ่มผู้ประกอบการประมงพื้นบ้านหรือกลุ่มผู้ผลิตสินค้าโอทอป

 

       แต่เมื่อรู้ว่ามันคือชื่อวงดนตรี(น้องใหม่)ก็ถึงบางอ้อ พร้อมกับเกิดความสงสัยต่อว่าแล้วชื่อแปลกๆแบบนี้พวกเขาได้แต่ใดมา

 

       เรื่องนี้ไม่ยากครับ แม้ผมจะเป็นคนในยุคก่อน B.G.(Before Google) แต่เรื่องการสืบค้นข้อมูลในกูเกิ้ลนั้นไม่เป็นปัญหา เพียงเซิร์ชเข้าไปแป๊บเดียวชื่อของวงนี้ปรากฏมาเต็ม และนั่นก็ทำให้ผมรู้ถึงที่มาที่ไปของวงๆนี้ ว่ามีความเป็นมาอย่างไร ทำไมถึงชื่อปลานิลเต็มบ้าน

 

       วงปลานิลเต็มบ้าน เริ่มต้นก่อตั้งวงโดย“ตุลย์”และ “ต่อ”ที่เรียนอยู่สถาบันเดียวกัน ฟอร์มวงดนตรีขึ้นมาแบบเน้นเล่นเพื่อความสนุกสนานตามงานต่างๆของมหาวิทยาลัย จากนั้นต่อได้ชักชวน “ป็อบ”กับ“อาร์ต” เพื่อนของเขาที่เคยเล่นดนตรีอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมให้เข้ามาร่วมวงอีกต่อหนึ่ง เกิดเป็นวงดนตรี 4 คนขึ้น

 

       วง 4 คนนี้ เดิมทียังไม่รู้ว่าจะตั้งชื่อวงว่าอะไรดี แล้วบังเอิญว่าบ้านที่รวมตัวกันซ้อมดนตรีมีบ่อเลี้ยงปลานิลอยู่หน้าบ้าน พวกเขาจึงจึงเลือกใช้แนวทางเดียวกับการสั่ง“กะเพราไก่ไข่ดาว” ด้วยการ

       ตั้งชื่อวงว่า“วงปลานิล” แต่เรื่องยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะวงนี้ใช้แนวทางการก่อตั้งวงแบบสะสมแต้ม เอ้ย!?! สะสมสมาชิก คือหลังจากมี 4 สมาชิกปลานิลแล้ว พวกเขาได้ดึง “ต้น”กับ“ตูน” มาสมทบเพิ่มเติม

 

       ครั้นเมื่อสมาชิกปลานิลทั้ง 6 มารวมตัวกันในห้องเล็กๆของป็อบจนเต็มห้อง ต่อได้พูดขึ้นว่า “โอ้โห!ปลานิลเต็มบ้านเลยเว้ย”

 

       หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้ชื่อวงใหม่ว่า “ปลานิลเต็มบ้าน” และใช้ชื่อนี้โลดแล่นในยุทธจักรวงการเพลงนับแต่นั้นมา

 

       วงปลานิลเต็มบ้านมีสมาชิก 6 คน ประกอบด้วย “ตุลย์ : คณิน แตงเกตุ” - ร้องนำ,”ต่อ : สัญชัย หิรัญบูรณะ” - เบส, “ป็อบ” : บุรินทร์ ขวัญรัตน์” - กลอง, ”อาร์ท : ศิริศักดิ์ แต้มกิตติกุล” - กีตาร์, “ตูน : ธรธัชร์ มณีเนตร” - กีตาร์, และ “ต้น : อุทัย บุรวรรรนินทร์” - เพอร์คัสชั่น 

 

       สำหรับวงปลานิลเต็มบ้านแม้ชื่อวงจะมีความแปลกสะดุดหู แต่สาระสำคัญของวงดนตรีวงนี้ในทัศนะของผม มันอยู่ที่การทำเพลง ไอเดีย และฝีมือทางดนตรีมากกว่า ซึ่งหลังจากปลานิลเต็มบ้านปล่อยซิงเกิ้ล “คิดดีดี”และ“โลกส่วนตัว”ออกมาชิมลาง มันทำให้ผมมีความรู้สึกคล้ายแมวคืออยากตะครุบปลานิลกลุ่มนี้มาฟัง เพราะติดใจในเนื้อหาและซาวน์ดนตรีของพวกเขา 

 

 

อัลบั้มปล่อยปลากับแพ็คเกจรูปปลานิล(ซ้าย)

 

        ดังนั้นเมื่อ“ปลานิลเต็มบ้าน” ปล่อยอัลบั้มเต็มอัลบั้มแรกของวงในชื่อชุด”ปล่อยปลา”ออกมา ในสังกัด“ปริณามมิวสิค” หลังจากใช้เวลาทำเพลงอยู่ถึง 7 ปี ผมจึงรีบคว้าปลานิลเต็มบ้านมาฟังแบบไม่รีรอ

 

       อัลบั้มปล่อยปลาทำแพ็คเกจ(กระดาษ)ออกมาเป็นรูปปลานิลสอดรับกับคอนเซ็ปต์ชื่อวง ซึ่งดูภายนอกมันเก๋ไม่หยอก แต่พอแกะออกมาปรากฏว่าจุกเสียบแผ่นซีดีหลุดร่วงผล็อยลงมา ทำให้ผมต้องกับไปพึ่งกล่องใส่ซีดี(มาตรฐาน)ทั่วๆไปเหมือนเดิม โดยมีแพ็คเกจ(กระดาษ)ปลานิลเป็นตัวช่วยคอยอ้างอิงในชื่อเพลง เนื้อเพลง และข้อมูลประกอบอื่นๆ

 

       อัลบั้มนี้ทุกเพลงแต่งโดยตุลย์นักร้องนำ แล้วสมาชิกทั้งหมดของวงมาช่วยกันเรียบเรียง และลงมือเป็นโปรดิวซ์ซ่วมกับ “ปิยสุ โกมารทัต” ทำให้งานเพลงที่ออกมามีตัวตนของปลานิลเต็มบ้านอยู่ในระดับเข้มข้น ชนิดถ้าถูกจับเป่า บางทีอาจมีกลิ่นปลานิลทอดกรอบลอยคลุ้งออกมาก็เป็นได้

 

       ปล่อยปลา ปล่อยเพลง“ตัวตน”ออกมาเปิดอัลบั้ม เพลงนี้เป็นโซลติดลูกฟังก์ที่ฟังมันมาก เผยให้เห็นถึงตัวตนของวงปลานิลเต็มบ้านได้ดีทีเดียว เนื้อร้องเป็นการให้กำลังใจ อย่าท้อ แม้จะล้ม แต่ต้องมีวันลุกขึ้นยืนหยัดสู้ต่อไป สู่จุดหมายที่ต้องการ ขณะที่ภาคดนตรีนั้นแสดงให้เห็นถึงทีมเวิร์คที่เข้าขากันแบบคนรู้ใจ ทางกีตาร์ 2 ตัวเล่นสอดรับกันดี ทั้งลูกเล่นวาห์ วาห์ อุดเสียงบอด สอดประสาน ฮาร์โมนิค และโซโลดิบๆ ส่วนไลน์นั้นเบสเด่นเหลือใจ ทั้งตบทั้งเกี่ยว เสียดายแต่ว่าเสียงเบสในช่วงตบ-เกี่ยว มันฟังด้านบอดไปนิด ไม่ใสเด้งเป็นเม็ดเป้งๆ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เพลงเสียอรรถรสแต่อย่างใด

 

       แทรคต่อมาเป็น“คิดดีดี”เพลงที่สร้างชื่อให้กับพวกเขา กีตาร์เล่นโน้ตนำมา ก่อนส่งเข้าเพลงแบบเต็มวงในจังหวะปานกลางฟังสบายมีความสนุกอยู่ในที ดนตรีมีผ่อนหนักผ่อนเบาสลับอารมณ์เนื้อหาแฝงข้อคิดว่าให้คิดดีดี แต่ไม่ใช่ประเภทคิดด้านดีหรือคิดด้านบวก หากแต่เป็นการให้คิดดีดี ก่อนที่จะลงมือทำสิ่งใด มิฉะนั้นเราอาจจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว

 

       ถัดมาเป็น“แค่นั้นเอง” บัลลาดเศร้าช้า ดนตรีมีลูกเล่น กีตาร์ 2 ตัว เล่นคนละไลน์แต่ประสานออกมาได้กลมกลืนและสวยงาม แค่นั้นเอง ว่าด้วยความผิดหวังในความรักที่แตกต่างจากทั่วไป เพราะมีการใช้คำเปรียบเทียบแปลกๆ เช่น หรือเป็นเพราะรองเท้าฉันมันคับไป หรือเป็นเพราะฉันกินมากไป นอกจากนี้ยังมีเนื้อหาแฝงความนัยให้ข้อคิดกว้างไกลกว่าเพลงอกหักทั่วไป โดยเฉพาะในท่อนที่ร้องว่า “...แค่ยอมรับ และเข้าใจในความเปลี่ยนแปลง แค่นั้นเอง แค่นั้นเอง” มันสามารถนำมาใช้ได้กับหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตเลยทีเดียว

 

       “คนเป็นล้าน” เนื้อหาให้ใช้ปัญญา คิดไตร่ตรอง ให้เหตุผล อย่าเชื่อใครง่ายๆ ที่มาในอารมณ์ฟังก์ร็อกสุดมัน เปิดพื้นที่ให้เบสกับกีตาร์ตอบโต้กันในทางฟังก์อย่างถึงใจ ท่อนแยกเป็นร็อกจัดหนักให้ตุลย์แหกปากแสดงพลังเสียงกันอย่างเต็มที่ 

 

 

ปลานิลเต็มบ้านใน MV

 

        จากนั้นอารมณ์เพลงถูกเปลี่ยนแบบเฉียบพลันใน “เพลงที่ถูกลืม” มาในอารมณ์สกาสนุกๆ ได้สาว ”วีรวรรณ พรรณยุกข์” มาร่วมร้องคู่ ขับขานหวานปนห้าว มีทรัมเป็ตและฟูเกิ้ล(เครื่องดนตรีคล้ายทรัมเป็ตแต่คอสั้นกว่า เสียงนุ่มกว่า) มาเป่าสอดส่งสร้างสีสัน พร้อมด้วยไลน์คีย์บอร์ดที่เล่นเสียงออกไปทางแฮมมอนด์ ออร์แกน ลากยาวในซาวน์ย้อนยุค ช่วงโซโลกลางเพลง เปิดพื้นที่ให้กีตาร์ เบส คีย์บอร์ด และเครื่องเป่า วาดลวดลายกันหอเหม็นปากเหม็นคอ เพลงนี้นอกจากไม่น่าถูกลืมแล้วยังถือเป็นเพลงเด่นที่น่าจดจำเพลงหนึ่งในอัลบั้มนี้

 

       “นาฬิกา” จัดกันมาแบบหวานเพราะ เปรียบความรักดังนาฬิกาได้อย่างมีกึ๋น พูดถึงคน 2 คน คือฉันกับเธอ ที่มีชีวิตที่แตกต่าง การเดินทางที่ไม่พร้อมกัน ฉันเหมือนดังเข็มสั้นหรือเข็มชั่วโมงที่ใช้ชีวิตอย่างเนิบช้าเฉื่อยชา ส่วนเธอเหมือนเข็มยาวหรือเข็มนาทีที่ใช้ชีวิตอย่างรวดเร็วว่องไว ภาคดนตรีเพลงนี้มีความเป็นป็อบอยู่สูง เจือด้วยกลิ่นแจ๊ซบางๆ ถือเป็นผมยกให้เป็นเพลงที่เพราะที่สุดในอัลบั้มนี้

 

       กลับมามันกันอีกครั้งกับ “ใครจะรู้”ว่าด้วยเนื้อหาน่าฟัดของสาวทรงเสน่ห์ที่เต้นเร่าโยกย้ายกลางแสงสีไฟยามราตรี และกำลังมุ่งตรงมาหาฉัน(คล้ายดังออกล่าเหยื่อ) ซึ่งใครจะไปรู้ได้ว่าเธอนั้นคิดอย่างไรกับฉัน

 

       เพลงนี้ภาคดนตรีสอดรับกับเนื้อหาดีทีเดียว เป็นโซลฟังก์เข้มๆจังหวะสนุก โดดเด่นไปด้วยไลน์กีตาร์ที่จัดเต็มกันมา ทั้งลูกโซโล ลูกลิค ลูกประสาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ลูกสับคอร์ดฟังก์ดิบๆขัดๆนั้นยอดเยี่ยมกระเทียมดองทีเดียว

 

       ต่ออารมณ์มันๆกับร็อกจังหวะขัดๆกันใน “ปล่อยไป” กับเนื้อหาว่าด้วยการนินทาว่าร้าย ที่เราควรปล่อยมันไป อย่าไปใส่ใจ

 

       ส่วน“โลกส่วนตัว” พูดถึงอาการผิดหวังในความรักอันเนื่องมาจากเธอมีโลกส่วนตัวที่สูง(ปรี๊ด)เกินไป มองฉันเป็นเพียงแค่จุดเล็กนิดๆ เนื้อหาเพลงนี้แม้ออกแนวรันทด แต่ว่าภาคดนตรีกลับมีลีลาสนุกๆ ฟังเพลิน ในอารมณ์ลาตินแจ๊ซ เน้นซุ่มเสียงแบบอะคูสติก มีกีตาร์โปร่งตีคอร์ดแน่นๆคลอไปตลอดเพลง ทางเบส ทางคอร์ด และทางโซโลอะคูสติกกีตาร์ในเพลงนี้สวยทีเดียว

 

       โลกส่วนตัวเป็นเพลงสุดท้ายที่ไม่ท้ายสุด เพราะอัลบั้มนี้ยังมีอีก 2 แทรคปิดท้ายแถมมา คล้ายๆกับเป็นโบนัสแทรค คือ เพลง “คิดดีดี” กับ “แค่นั้นเอง” ในเวอร์ชั่นอะคูสติก ที่มีมาให้ฟังกันแบบแตกต่างไปจากเวอร์ชั่นปกติ โดยเฉพาะเพลงแค่นั้นเอง ซุ่มเสียงแบบอะคูสติกที่ออกมาฟังเคลิ้มล่องลอยให้ความรู้สึกเศร้ารันทดกว่าเวอร์ชั่นปกติอยู่พอตัว อีกทั้งยังแสดงให้เห็นถึงพลังเสียง และลีกาการร้องเพลงตุลย์นักร้องนำได้เป็นอย่างดี

 

       ไหนๆก็พูดถึงเสียงของนักร้องนำแล้ว ผมขอขยายความต่อว่า นี่ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของวงปลานิลเต็มบ้านที่ทำให้ซุ่มเสียงแบบปลานิลซาวน์มีลายเซ็นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

 

       ตุลย์แม้จะไม่ใช่นักร้องประเภทสวรรค์สรรค์สร้างให้มีน้ำเสียงเป็นเลิศ ฟังเพราะ นุ่ม หล่อ กระชากใจ ตรงกันข้ามเขาเป็นคนที่มีน้ำเสียงค่อนข้างแข็ง เจือกระด้าง แถมติดแหบเล็กน้อย แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะตุลย์ถือเป็นคนที่ร้องเพลงได้ดีเยี่ยมคนหนึ่ง เขาสามารถบังคับเสียงและดึงจุดแข็งในน้ำเสียงของเขาถ่ายทอดออกมาเป็นบทเพลงได้อย่างมีเสน่ห์ ชวนฟัง มีลีลาทั้งลูกแหกปาก ลูกโหนสูง เสียงหลบ เสียงหลอก หรือแม้กระทั่งการร้องแบบเนิบๆหวานเศร้าอย่างในเพลงนาฬิกาก็สามารถทำออกมาได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้การที่อัลบั้มนี้ตุลย์แต่งเพลงเองทั้งหมด ทำให้เขาขับร้องถ่ายทอดออกมาได้อย่างรู้ซึ้งถึงอารมณ์เพลง

 

       และนี่ก็คือ 9 เพลง กับ 11 แทรค จากอัลบั้มปล่อยปลาของวงปลานิลเต็มบ้าน ที่แม้ผลงานเพลงชุดนี้จะมีจุดด้อยอยู่บ้างตรงภาคเนื้อร้องที่ภาษายังไม่ลงตัว ฟังดูขาดๆเกินๆในบางเพลง แต่ในภาคดนตรีและการเรียบเรียงนั้นจัดว่าเด่นและโดนไม่น้อย

 

       แม้ทางดนตรีของพวกเขาฟังแล้วจะชวนให้นึกถึงวงรุ่นพี่ อย่าง “โซล อาฟเตอร์ซิก” และ “เครสเซนโด้” อยู่บ้าง แต่นี่ถือเป็นวงดนตรีที่ฟังแล้วให้แตกต่างจากบทเพลงไทยสมัยนิยมทั่วๆไปอยู่พอตัว ปลานิลเต็มบ้านไม่อิงกระแสเคป็อบ เจป็อบ ไม่อิงบทเพลงพิมพ์นิยม เนื้อหาซ้ำซาก ภาคดนตรีและลีลาการร้องเพลงฟังเหมือนโคลนนิ่งสืบสายพันธุ์กันมา พวกเขาแม้จะได้ชื่อว่าเป็นวงอินดี้ แต่ว่าก็ไม่ได้เดินตาม“อินดี้ โมเดล”(ของบ้านเรา) ที่เพลงดีไม่ดี ฟังเพราะไม่เพราะ กูไม่รู้ แต่ขอกูเพี้ยน กูแนว เอาไว้ก่อน

 

       สำหรับอัลบั้ม“ปล่อยปลา”ชุดนี้ เปรียบดังการปล่อยของของวงปลานิลเต็มบ้านที่มีความหลากหลายทางดนตรีอยู่มากโข มีทั้งป็อบ โซล ฟังก์ ร็อค แจ๊ซ อะคูสติก แถมด้วยสกาอีกต่างหาก จนใครบางคนมองว่าพวกเขายังหาแนวทางที่ชัดเจนของตัวเองไม่เจอ แต่ในทัศนะของผมกลับมองว่า การที่พวกเขาสามารถจัดการความหลากหลายเหล่านี้ให้ปรองดองเป็นเอกภาพเดียวกันได้อย่างน่าฟังนั้น คือตัวตนบนความหลากหลายของวงปลานิลเต็มบ้าน ซึ่งไม่ว่าจะเป็นวงดนตรี คนทั่วไป หรือฯลฯ การมีตัวตนนั้นย่อมประเสริฐกว่า การเป็นหุ่นเชิด เป็นโคลนนิ่ง ให้ใครบางคนคอยชักใยอยู่ตลอดเวลา 

 

       เรื่องนี้แม้แต่ผู้นำประเทศก็ไม่มีข้อยกเว้น