paradox

แหล่งกำเนิด กรุงเทพ ประเทศไทย

แนวเพลง อัลเทอร์เนทีฟ ร็อก

โมเดิร์น ร็อก

อินดี้ร็อก

เดธเมทัล(บางเพลง)

ปี 2537 - ปัจจุบัน

ค่าย อิสเทอร์นสกาย เร็คคอร์ดส

ตาต้า เร็คคอร์ดส

จีนี่ เรคคอร์ดส

พาราด็อกซ์ (อังกฤษ: Paradox) เป็นวงดนตรีชาวไทย เริ่มก่อตั้งในปี พ.ศ. 2537 โดยกลุ่มนิสิตจากคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นวงที่มีเอกลักษณ์ทางการแสดงสด โดยจะมีการแสดงประกอบการเล่นดนตรี เช่น พ่นไฟ ,สาดน้ำ ,โยนลูกโป่งใส่คนดู ซึ่งแสดงโดยฝ่ายในวงที่เรียกว่า โจ๊กเกอร์-ว๊ากเกอร์ รับเชิญหลายคน โดย โจ๊กเกอร์-ว๊ากเกอร์หลักของทางวงคือ อ๊อฟ และ เก่ง จะทำหน้าที่ร้องประสานเสียงบนเวทีให้อีกด้วย

สมาชิก

อิทธิพงศ์ กฤดากร ณ อยุธยา (ต้า) ร้องนำ / กีตาร์

ขจัดภัย กาญจนาภา (บิ๊ก) กีตาร์

จักรพงศ์ สิริริน (สอง) เบส

เสรฐพร กฤดากร ณ อยุธยา (โจอี้) กลอง

ชาญณรงค์ วังเย็น (อ๊อฟ) ว๊ากเกอร์

นัทธา กมลรัตนกุล (เก่ง) โจ๊กเกอร์

อดีตสมาชิก

พรภัฏ ชีวีวัฒน์ (โน้ต) กลอง

ประวัติ

จุดเริ่มต้น

พาราด็อกซ์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2537 โดย อิทธิพงศ์ กฤดากร ณ อยุธยา หรือ ต้า (ร้องนำ/กีต้าร์) ซึ่งเป็นนิสิตจากคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีความคิดที่จะตั้งวงดนตรีเพื่อร่วมกิจกรรมภายในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในฐานะนักศึกษาปีที่ 1 จึงได้ชวน จักรพงศ์ สิริริน หรือ สอง (เบส) เข้ามาร่วมวง โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากวงโมเดิร์นด็อก ซึ่งเป็นวงดนตรีแนวอัลเทอร์เนทีฟที่มีชื่อเสียงอีกวงหนึ่ง ทั้งสองคนได้ร่วมกันแต่งเพลงแนวลูกทุ่งชื่อเพลง โรงหนังเก่า ขึ้นเป็นเพลงแรก ต่อมาก็ได้ พรภัฏ ชีวีวัฒน์ หรือ โน้ต นิสิตคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เข้ามาร่วมวงในตำแหน่งมือกลอง

อัลบั้มแรก

1 ปีต่อมา สมาชิกทั้งหมดก็ได้ตัดสินใจที่จะผลิตอัลบั้มเป็นของตัวเอง เพื่อนำออกขายในงานกิจกรรมต่างๆของคณะ ต้า ซึ่งในขณะนั้นเป็นเพียงมือกีต้าร์ของวง จึงได้รับตำแหน่งนักร้องนำและมือกีต้าร์อย่างเต็มตัว และเนื่องจากประสบปัญหาในการจัดทำอัลบั้ม หอยจ๊อ จึงได้ตัดสินใจส่ง Demo เทป เพื่อเสนอแก่ค่ายเพลง

หลังจากที่หอยจ๊อ ส่ง Demo เทปไปยัง อิสเทอร์นสกาย เร็คคอร์ดส ซึ่งเป็นค่ายเพลงเล็กๆ พวกเขาก็ได้โอกาสออกอัลบั้มแรก Lunatic Planet พร้อมเปลี่ยนชื่อวงเป็น พาราด็อกซ์ (Paradox) ด้วยซาวนด์ดนตรีและเนื้อหาเพลงที่แปลก แตกต่างจากวงดนตรีอื่นๆในสมัยนั้น ทำให้พาราด็อกซ์ได้รับความนิยมพอสมควร โดยมีเพลงดังอย่าง นักมายากล, ไก่ และ โรตีที่รัก โน้ต จึงได้ชักชวนให้ ขจัดภัย กาญจนาภา หรือ บิ๊ก มาช่วยเสริมในฐานะกีต้าร์ และได้กลายเป็นสมาชิกวงอย่างเป็นทางการ แต่ต่อมาไม่นาน อิสเทอร์นสกาย เร็คคอร์ดส ก็ได้ปิดตัวลง โน้ตซึ่งสำเร็จการศึกษาก็ได้ตัดสินใจแต่งงาน และเดินทางไปศึกษาต่อยังประเทศสหรัฐอเมริกา ประจวบกับที่สมาชิกอีก 2 คนกำลังจะสำเร็จการศึกษา พาราดอกซ์จึงว่างเว้นจากงานดนตรีไปกว่า 1 ปีเต็ม

หลังจากจากที่ อิสเทอร์นสกาย เร็คคอร์ดส ได้ปิดตัวลง สมาชิกที่ยังเหลืออยู่จึงได้หันไปผลิตอัลบั้ม แมลงวันสเปน โดยจัดทำเป็นอัลบั้มใต้ดิน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการส่งชิ้นงานก่อนจบการศึกษา โดยบันทึกเสียงภายในห้องนอนของ ต้า นักร้องนำ โดยจัดทำออกมาเพียง 1,000 ม้วน ภายใต้ค่ายเพลงชื่อ ตาต้า เร็คคอร์ดส และอัลบั้ม Paradox & My Friends ซึ่งได้รวมเอาผลงานของเพื่อนๆของสมาชิกในวงเอาไว้ด้วย

ก้าวสู่จีนี่เรคคอร์ดส

ต่อมาพาราด็อกซ์ได้มีโอกาสทำเพลงเพื่อรวมอยู่ในอัลบั้ม Intro 2000 ร่วมกับศิลปินอื่น ในสังกัดจีนี่เรคคอร์ดส ซึ่งเป็นช่วงที่พาราด็อกซ์ยังขาดมือกลอง ในอัลบั้มนี้จึงได้รุ่นน้องชื่อ ดำ มาช่วงตีกลองให้ในเพลงท่ามกลางแทนโน้ต ไม่นานหลังจากอัลบั้ม Intro 2000 ทางพาราด็อกซ์ได้รับโอกาสให้ทำอัลบั้มเต็มอีกครั้ง แต่เนื่องจากพี่โน้ตยังอยู่ต่างประเทศ ต้าจึงได้ชักชวน เสรฐพร กฤดากร ณ อยุธยา หรือ โจอี้ ซึ่งเป็นญาติผู้น้องเข้ามาร่วมวงในตำแหน่งมือกลอง และ ยังได้ชวนเพื่อนที่มีส่วนร่วมในงานดนตรีของพวกเขามาตั้งแต่อัลบั้ม Lunatic Planet คือ นัทธา กมลรัตนกุล หรือ เก่ง มาช่วยร้องคอรัส และเพิ่มสีสันในการแสดงสด และ ชาญณรงค์ วังเย็น หรือ อ๊อฟ มาช่วยร้องประสานแบบโหดๆ ทำให้เกิดวงพาราด็อกซ์ที่สมบูรณ์

ในที่สุดพาราด็อกซ์ก็ได้ปล่อยอัลบั้มเต็มออกมาในชื่อชุด Summer โดยมี น้องเปิ้ล เป็นเพลงเปิดตัว และ ฤดูร้อน ซึ่งเป็นเพลงที่ทำให้ทุกคนรู้จักพาราด็อกซ์ในวงกว้าง รวมถึงเพลงที่นักศึกษาวิชาทหารรู้จักกันดีอย่าง ร.ด.Dance และภายในปีเดียวกันนั้น พาราด็อกซ์ก็ได้ออกอัลบั้ม แค้นผีนรก ซึ่งเป็นอัลบั้มใต้ดินขึ้นมาอีก 1 ชุด ซึ่งถือเป็นอัลบั้มใต้ดินชุดสุดท้ายของวง

ในยุคที่วงอิสระเป็นที่ยอมรับ หรือที่เรียกกันว่า ยุคอินดี้นั้น มีส่วนทำให้วงพาราด็อกซ์เป็นที่ยอมรับในตลาด จนเกิดอัลบั้มพิเศษที่ชื่อ On The Beach ขึ้น โดยนำเพลงจากอัลบั้ม Summer และ Lunatic Planet มาร้องใหม่ และให้ศิลปินรับเชิญมาช่วยเรียบเรียงดนตรีในแบบอคูสติก พร้อม 2 เพลงใหม่คือเพลง ดาว และ สงสัย

อัลบั้ม On The Rainbow เป็นอัลบั้มที่มีความแตกต่างไปจากอัลบั้มก่อนๆของพาราด็อกซ์ เนื่องจากเพลงส่วนใหญ่ลดความแรงลงไปมาก แต่ทดแทนมาด้วยฝีมือที่พัฒนาขึ้นไปอีกขั้น โดยเน้นการทำดนตรีและท่วงทำนองที่สวยงาม พร้อมบทเพลงที่ไพเราะอย่างเพลง รุ้ง และ เศษ หรือ เพลง กวีบทเก่า ที่นำบทเพลงของวง นูโว มาเรียบเรียงใหม่ในแบบฉบับของตัวเอง

นับจากอัลบั้ม On The Rainbow นี้ บทบาทในการทำอัลบั้มของเก่งและอ๊อฟจะลดลงไป แต่ทั้งสองคนก็ยังมีส่วนช่วยในการทำเพลงอยู่เบื้องหลัง และเป็นกำลังสำคัญในการแสดงคอนเสิร์ต ของพาราด็อกซ์อยู่เสมอๆ

คอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรก

ในปี 2546 Fat Radio ได้จัดให้มีคอนเสิร์ตใหญ่ของพาราด็อกซ์ขึ้นเป็นครั้งแรกในวันที่ 28 มิถุนายน 2546 ที่อินดอร์สเตเดี้ยม หัวหมาก ในชื่อ Fat Live 4 : The Paradox Circus ซึ่งเป็นคอนเสิร์ตที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างอบอุ่น พร้อมแขกรับเชิญพิเศษคือ ก้อย - Saturday Seiko เล็ก - สุรชัย กิจเกษมสิน ผิง - Club F และ สามสาวจากวง H และในปีเดียวกันนี้ พาราด็อกซ์ก็ได้ออกอัลบั้ม Freestyle ที่มีเพลงดังอย่าง Sexy ทาส บอลลูน พร้อมทั้งนำเพลงนักมายากล จากอัลบั้ม Lunatic Planet กลับมาทำใหม่อีกครั้ง

หลังจากอัลบั้ม Free Style เพียงไม่กี่เดือน พาราด็อกซ์ก็มีผลงานพิเศษที่ร่วมกับศิลปินอื่นอีกครั้งในชื่อ Little Rock Project ซึ่งเป็นการนำเพลงของวงในตำนานอย่าง ไมโคร กลับมาทำใหม่ตามแบบฉบับของแต่ละวงในอัลบั้มนี้ ซึ่งพาราด็อกซ์มีผลงานอยู่2เพลงคือ มันก็ยังงง งง และ รักคุณเข้าแล้ว และได้มีคอนเสิร์ตที่ชื่อ Rock Size S เกิดขึ้นที่ Impact Arena เมืองทองธานี

เมื่ออัลบั้มเก่าๆของพาราด็อกซ์เริ่มหายาก จึงมีการทำอัลบั้ม Hit Me ขึ้น ซึ่งเป็นผลงานรวมเพลงของพาราด็อกซ์ตั้งแต่อัลบั้ม Summer เป็นต้นมา และพาราด็อกซ์ก็ได้มีโอกาสทำเพลงประกอบภาพยนตร์ วัยอลวน4 โดยนำเพลงดังในอดีต อย่าง เธอที่รัก กลับมาเรียบเรียงใหม่ รวมถึงการนำเพลง Let's Go Rider Kick ซึ่งเป็นเพลงเปิดตัวของ ไอ้มดแดง V.1 มาเรียบเรียงใหม่เพื่อใช้สำหรับงาน ไอ้มดแดง Live Show In Bangkok

10 ปี พาราด็อกซ์

เมื่อห่างหายจากอัลบั้มเต็มไปถึง 3 ปี พาราด็อกซ์ก็ได้กลับมาอีกครั้งกับอัลบั้ม X (10 Years After) ซึ่งเป็นผลงานที่ออกมาในช่วงครบรอบ 10 ปีของทางวง อัลบั้มนี้มีการเพิ่มโบนัสแทร็กถึง12แทร็ก รวมกับเพลงปกติอีก10แทร็ก แทร็กทั้งหมดในอัลบั้มนี้จึงมีถึง22แทร็ก เพลงที่เป็นที่รู้จักในอัลบั้มนี้คือเพลง ผงาดง้ำค้ำโลก ซึ่งเป็นเพลงที่มีการนำคำต่างๆมาพลิกแพลงจนกลายมาเป็นเพลงที่มีมุมมองที่แตกต่างจากเพลงทั่วๆไป เพลงส่งรักส่งยิ้มซึ่งมีเนื้อหาที่ชวนให้ทุกคนหันหน้าสร้างรอยยิ้มให้กัน พร้อมทั้งเพลงจังหวะสนุกๆแบบย้อนยุคอย่าง คิด และ มองตา ในส่วนของโบนัสแทร็กจะประกอบด้วยเพลงแนวทดลองโดยสมาชิกวงแต่ละคนอย่าง escape นั่งยาง และมีการนำเพลงใต้ดินมาใส่ไว้ เช่นเพลงโรงหนังเก่า ซึ่งเป็นเพลงแรกที่ต้าและสองแต่งขึ้นมา

และในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2550 พาราด็อกซ์ก็ได้ออกอัลบั้มพิเศษในชื่อว่า Paradox In Paradise ซึ่งเป็นการนำเพลงตั้งแต่อัลบั้ม On The Rainbow มาร้องใหม่ และเรียบเรียงดนตรีในแบบเบาๆโดยศิลปินรับเชิญอีกครั้ง พร้อมด้วยเพลงใหม่ที่ชื่อใครสักคน และเพลงสิงห์รถบรรทุก ซึ่งเป็นเพลงที่มีอยู่ในซีดีแบบ Special Edition เท่านั้น

เดือนเมษายนในปีเดียวกัน พาราด็อกซ์ได้มีผลงานเขียนออกวางจำหน่ายเป็นครั้งแรกชื่อ บันทึกลึกลับ Paradox X ซึ่งต้าได้รวบรวมประสบการณ์ระหว่างการทำงานในอัลบั้ม X (10 Years After) มาเขียนลงหนังสือเพื่ออธิบายถึงที่มาของแต่ละเพลง รวมถึงขั้นตอนการทำงานเบื้องหลังต่างๆภายในอัลบั้มนี้

ปัจจุบันวงพาราด็อกซ์ได้ออกอัลบั้มใหม่ที่มีชื่อว่า Parade โดยรวมเพลงที่เป็นเพลงยอดนิยมในอดีตมารวมไว้ในอัลบั้ม และเพลงที่ไม่ได้อยู่ในอัลบั้มของพาราด็อกซ์มาก่อนอย่างเพลง กอดฉันไว้ เพียงชายคนนี้(ไม่ใช่ผู้วิเศษ) เรดิโอ และ รสชาติแห่งความรัก

ในปี 2554 วงพาราด็อกซ์ได้ปล่อยซิงเกิ้ลชื่อว่า หรรษาราตรี ออกมาเป็นซิงเกิ้ลแรกสำหรับอัลบั้มที่จะออกในปี 2555 และเพลงซักซี้ดนึง ประกอบภาพยนตร์เรื่อง ห่วยขั้นเทพ รวมถึงออกอัลบั้มพิเศษชื่อ The Love Scene เป็นอัลบั้มรวมเพลงประกอบภาพยนตร์ และล่าสุดได้ปล่อยซิงเกิ้ลเพลง คนบนฟ้า และ ปลายสายรุ้งซึ่งเป็นเพลงที่อยู่ในอัลบั้ม Day Dreamer ที่วางแผงเดือนธันวาคมนี้